ประตูที่ 30 ในซีซั่นแรก และเป็นประตูสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011-12 ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกในประวัติศาสตร์
ชื่อของ เซร์คิโอ เลโอเนล อเกวโร่ เดล กัสตีโย่ หรือ เซร์คิโอ อเกวโร่ หรือ 'กุน' จึงเข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก กับการปล้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาจากทีมคู่ปรับร่วมเมืองในนาทีสุดท้าย
อเกวโร่ คงไม่ต้องไปฝันว่าจะเปิดตัวปีแรกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว และแฟนๆ 'ซิติเซนส์' ก็คงแทบไม่อยากเชื่อว่า นักเตะที่มาจากดินแดนอเมริกาใต้จะปรับตัวเล่นพรีเมียร์ลีกได้เร็วขนาดนี้ เมื่อเทียบกับหลายคนที่เคยมาดับที่นี่ในอดีต
เรื่องฝีเท้า และพรสวรรค์ อเกวโร่ ก็คงเหมือนกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่พกมาเล่นพรีเมียร์ลีกแบบเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนคือเรื่อง สภาพจิตใจ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท และแสดงให้เห็นว่าเรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรค
อเกวโร่ ประเดิมพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวสำรองในเกมแรกของซีซั่น และไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เมื่อลงมายิงสองประตูในเกมถล่ม สวอนซี 4-0 ต่อหน้ากองเชียร์ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม
"เป็นเรื่องน่ายินดีเสมอที่แฟนๆ ยกย่องให้คุณเป็นคนสำคัญ" บทสัมภาษณ์ในฤดูกาลแรกของ อเกวโร่
"การได้ยินชื่อตัวเองดังกึกก้องทั่วสนาม มันทำให้คุณพุ่งพล่าน และทำให้ผมกระสันมากขึ้นตอนเดินลงสู่สนาม"
"แต่การได้รับเสียงยกย่องอย่างมาก มันจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณทำประโยชน์ให้กับทีม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเราที่วางเอาไว้ในแต่ละฤดูกาล"
"การสนับสนุนของแฟนๆ ที่มอบให้ผม ทำให้ผมมีความเชื่อมั่น และผมก็พยายามตอบแทนคืนด้วยการเล่นฟุตบอลให้ดีที่สุด"
"ผมสามารถปรับตัวเข้ากับทีม และเข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะเพื่อนร่วมทีม สโมสร และแฟนๆ ทุกคน"
"เรามีฤดูกาลที่สุดยอด แต่ยังมีอะไรอีกเยอะที่มาจากทีมชุดนี้ เราทำลายสถิติในอดีต นั่นคือความสำเร็จอยู่แล้ว ผมได้เข้าใจว่าเรื่องสำคัญคือการต่อยอดความสำเร็จ เราต้องการคว้าแชมป์ และเราจะตั้งเป้าเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ"
หลังจากสร้างชื่อเสียงอย่างมากในฤดูกาลแรก อเกวโร่ จึงถูกคาดหมายว่าจะต้องดีขึ้นอีกในฤดูกาลหน้า
"ผมก็หวังว่าอย่างนั้น" อเกวโร่ ตอบด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
"ผมไม่เคยหยุดยั้งการเล่นเพื่อทีม ถ้านั่นหมายความว่าผมพยายามที่จะทำบางสิ่งที่แตกต่างออกไป นั่นเป็นเรื่องที่ดีขึ้น ผมมีความสุขหมดแหละ ไม่ว่าจะยิงแฉลบเข้า หรือยิงจ่อๆ ถ้ามันช่วยทีมได้"
"ทุกประตูของทีมล้วนยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน แต่ถ้าผมสามารถสร้างบางสิ่งที่น่าจดจำไปตลอดกาลได้ คุณจะไม่ได้ยินผมคร่ำครวญแน่"
"ทุกประตูมีความพิเศษเสมอ และผมก็สนุกไปกับทุกประตูที่ยิงได้ ผมฉลองประตูในช่วงเวลานั้นโดยไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้า"
"นั่นอาจเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดละตินของเรา ใช่ไหม? คนหนุ่มอาร์เจนติเนียนมีความหลงไหลเป็นอย่างมาก ฟุตบอลอยู่ในสายเลือดของเรา และมันก็อยู่ในจิตวิญญาณของผม"
อเกวโร่ กลายเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนๆ ซิตี้ ทำให้เขารู้สึกโชคดีกับสิ่งที่ได้รับ เช่นเดียวกับตอนที่เล่นอยู่ในอาร์เจนตินา หรือสเปน
"แน่นอน ผมสนุกกับมัน ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากทุกสโมสรที่เคยเล่นด้วย ตั้งแต่ อินดิเพนเดียนเต้ แล้วก็ แอตเลติโก มาดริด แล้วก็ที่นี่"
"แฟนบอลแต่ละทีมมีความแตกต่างกัน แต่พวกเขาทุกคนล้วนมีความปรารถนาเดียวกันกับทีมของพวกเขา"
"จริงที่ว่าทุกคนต่างแสดงออกในแนวทางที่แตกต่างกัน แต่ความรู้สึกเหมือนกันเสมอ สำหรับผม ความสัมพันธ์เช่นนี้เป็นเรื่องพิเศษมาก มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม"
เวลาล่วงเลยผ่านไป 8 ปี อเกวโร่ เพิ่มแชมป์พรีเมียร์ลีกให้เป็น 4 สมัย (ฤดูกาล 2013-14, 2017-18, 2018-19) และยังมีแชมป์เอฟเอคัพ (ฤดูกาล 2018-19), แชมป์ลีกคัพ (ฤดูกาล 2013-14, 2015-16, 2017-18, 2018-19, 2019-20) เป็นหนึ่งในสมาชิก เรือใบสีฟ้า ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรอบทศวรรษ
ในเรื่องเกียรติประวัติส่วนตัว อเกวโร่ คว้ารางวัลต่างๆ มาครองมากมาย แต่ที่น่าจดจำที่สุดคือ นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร ฤดูกาล 2011-12, 2014-15 และรางวัลรองเท้าทองคำ หรือดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-15
นอกจากนี้ อเกวโร่ ยังสร้างสถิติต่างๆ กับสโมสร หนึ่งในนั้นคือ สถิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร 254 ประตูที่ยังมีโอกาสบวกเพิ่มเรื่อยๆ
ถึงตอนนี้ ฤดูกาลที่ 9 ของ อเกวโร่ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าตัว 35 ล้านปอนด์ที่่จ่ายให้ แอตเลติโก มาดริด เมื่อ 9 ปีก่อน ถูกแปรเปลี่ยนเป็นกำไรหลายต่อหลายเท่า
และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พร้อมที่จะมอบอิสระให้ อเกวโร่ หลังหมดสัญญาตอนจบฤดูกาลหน้า 2020-21 เป็นการอำลาสโมสรอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะ 'ตำนาน' อีกคนของทีมชุดนี้