การใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน สำหรับใครบางคน เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆ แล้ว ยิ่งต้องมาอยู่เพียงลำพัง ยิ่งยากลำบากมากขึ้นอีกหลายเท่า
ชีวิตนักฟุตบอล เมื่อเกมลูกหนังถูกระงับการแข่งขัน หลายคนคงได้ใช้เวลาเต็มๆ อยู่กับครอบครัว ภรรยา และลูกน้อย แต่ไม่ใช่สำหรับ ปาโบล ฟอร์นาลส์
กองกลางชาวสเปน เพิ่งย้ายจาก บียาร์เรอัล มาอยู่กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยค่าตัวที่ไม่เบา 24 ล้านปอนด์ แพงที่สุดเป็นอันดับสองของสโมสร เดอะ แฮมเมอร์ส
ฤดูกาลแรกใน ลอนดอน สเตเดี้ยม ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ ฟอร์นาลส์ ที่ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับสโมสรใหม่ ลีกใหม่ ประเทศใหม่ เมืองใหม่ และภาษาใหม่
31 เกม คือตัวเลขการลงสนามที่น่าพอใจสำหรับกองกลางวัย 24 ปี แต่หากลงลึกในรายละเอียด เป็นการลงตัวจริงพรีเมียร์ลีกเพียง 15 เกม และลงสำรองถึง 12 เกม ขณะที่บอลถ้วย เอฟเอคัพ ลงตัวจริง 1 เกม ลงสำรอง 1 เกม และ คาราบาวคัพ เป็นตัวจริงทั้ง 2 เกม
แต่ที่หนักหนากว่าการปรับตัวในซีซั่นแรกก็คือ การที่เกมฟุตบอล (เกือบจะทั่วโลก) ถูกระงับการแข่งขัน เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่เกมบุกแพ้ อาร์เซน่อล 0-1 ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ฟอร์นาลส์ และเพื่อนๆ ขุนค้อน ก็ไม่ได้สัมผัสเกมในสนามอีกเลย
หลังผ่านช่วงเวลาอันสุดแสนจะทรมานราวสองเดือนเศษ ในที่สุด สโมสรพรีเมียร์ลีกก็ได้รับอนุญาติให้กลับมาทำการฝึกซ้อมกันอีกครั้ง สนามซ้อม รัช กรีน ของ เวสต์แฮม จึงกลับมาคึกคักอีกรอบ แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
"สำหรับผมแล้ว มันเป็นเหมือนการต่อลมหายใจ เพราะผมอยู่ตัวคนเดียว ผมมาที่นี่ ที่ลอนดอน เพื่อมาเล่นฟุตบอล ดังนั้นการอยู่ที่นี่โดยที่ไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้ ถือเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับผม"
"การได้ไปที่ รัช กรีน แค่วิ่งหรือสัมผัสบอลก็ถือเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆ แล้ว"
"เป็นช่วงเวลายาวนานมากที่ต้องห่างหายจากฟุตบอล เราก้าวเข้ามาอยู่ในภาวะปกติในรูปแบบใหม่ มันแปลกและแตกต่างไปหมดสำหรับทุกๆ คน ดังนั้นเราต้องทำสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลบอก และทำตัวเป็นพลเมืองที่ดี"
ฟอร์นาลส์ ผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถึงสามครั้ง และผลก็ออกมาเป็นลบ ทำให้ตอนนี้สโมสรพรีเมียร์ลีกเริ่มเข้าสู่สเตจสองของมาตรการ นั่นคือการซ้อมกลุ่ม และการซ้อมแบบสัมผัสร่างกายกันแล้ว
"แน่นอน (ผมรู้สึกปลอดภัยที่ รัช กรีน) มันเป็นสถานการณ์ที่แปลกสำหรับเราทุกคน แต่ถ้ารัฐบาลและลีกตัดสินใจให้เราเล่นต่อ ผมคิดว่ามันชัดเจนว่านักเตะต้องการความปลอดภัยสำหรับเรา และสำหรับครอบครัวของเรา เพราะประการแรกเลย เราก็คือมนุษย์คนหนึ่ง"
ในขณะที่ ลีกเอิง ฝรั่งเศส กับ เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ตัดสินใจตัดจบฤดูกาลไปเรียบร้อย แต่พรีเมียร์ลีกยังคงหารือ และพิจารณาความเป็นไปได้อย่างรอบคอบ ซึ่ง ฟอร์นาลส์ เชื่อว่าไม่ว่าผลการตัดสินใจออกมาเป็นเช่นไร ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว และในฐานะนักเตะ สิ่งที่ควรทำคือการเตรียมความพร้อมของร่างกาย
"สโมสรและพรีเมียร์ลีกกำลังทำในสิ่งที่ดี และหลังจากนี้ จะมีการตัดสินใจว่าเราจะได้เล่นต่อหรือไม่ในฤดูกาลนี้"
"สำหรับทุกทีมพรีเมียร์ลีก และทุกๆ ลีก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการผลักดันและก้าวไปข้างหน้าร่วมกันต่อไป และจะต้องพร้อมเมื่อลีกกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะเรามีเวลาสองเดือนในการวิ่งตามสวนสาธารณะ ออกกำลังกายในบ้าน"
"การเล่นหลายๆ เกมในช่วงเวลาสั้นๆ จะเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเรา และสำหรับร่างกายของเรา ดังนั้นเราต้องรักษาสภาพร่างกายให้ดี และนี่ก็เปรียบเสมือนช่วงเวลาปรีซีซั่น"
เรื่องชีวิตส่วนตัว ฟอร์นาลส์ ยอมรับว่าการใช้ชีวิตตามลำพังในช่วงเวลาล็อคดาวน์เป็นเรื่องที่สุดโหดสำหรับเขา ที่ทำได้เพียงวีดีโอคอลหาครอบครัวและแฟนสาว และยังถือโอกาสนี้เรียนรู้ภาษาอังกฤษให้แข็งแรงขึ้นด้วยตัวเอง
"แฟน, น้องสาว และลูกพี่ลูกน้องของผม เดินทางกลับสเปน หลังจากชัยชนะของเราในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน (3-1 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์) หลังจากนั้นก็เข้าสู่สถานการณ์ใหม่ การปิดประเทศ เริ่มต้นจากในสเปน ที่นี่ (อังกฤษ) แล้วก็ทั่วโลก"
"ผมใช้ชีวิตในช่วงเวลาล็อคดาวน์เพียงลำพัง แต่ผมก็ปกติดี ผมพยายามทำนู่นทำนี่ ออกกำลังกาย คุยกับครอบครัว และเพื่อนๆ วันนึงก็หลายครั้ง ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาอยู่กับการวีดีโอคอล"
"ปกติแล้ว หลังจากงีบตอนเที่ยงๆ ผมก็จะโทรหาแม่ น้องสาว แฟน และเพื่อนๆ ผมไม่มีเครื่องเพลย์สเตชั่นให้เล่น ผมได้แค่อ่านหนังสือ ดูรายการทีวี ดูหนัง แต่ผมชอบคุยกับคนที่ผมรักมากกว่า เพราะผมรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกับผม"
"ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนล็อคดาวน์ ผมเริ่มคุยกับน้องสาว เพราะเธอเรียนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัย เราจึงคุยกันในบางครั้ง แต่มันไม่ง่ายเพราะเราอยากคุยในสิ่งที่เราคิด มันจึงยากมากๆ"
"แต่ผมก็พยายามดูรายการทีวีภาษาอังกฤษ ผมดู เดอะ ซิมพ์สันส์ ผมกำลังพยายามปรับปรุงภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีขึ้น"
ไม่ว่าซีซั่นนี้จะกลับมาเตะกันต่อหรือไม่ ก็คงไม่ใช่ปีที่วิเศษนักสำหรับ ปาโบล ฟอร์นาลส์ แต่หากปรับตัวได้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน เชื่อว่าฤดูกาลหน้าจะได้เห็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาคนนี้
