นับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฝ้ารอแฮตทริกแรกมานานเกินกว่า 7 ปี กว่าจะได้เห็นจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
เท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กาล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ปราศจากการยิงแฮตทริกในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 เป็นต้นมา และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือคนปัจจุบันก็ต้องรอถึงปีครึ่ง กว่าที่ มาร์กซิยาล จะเป็นคนหยุดสถิติแย่ๆ ลงได้
ย้อนกลับไปในยุคบั้นปลายการคุมทีมของ เฟอร์กี้ 10 แฮตทริกครั้งหลังสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีก เป็นของนักเตะเพียง 4 คน โดย 10 แฮตทริกดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 2 ปีเศษๆ เท่านั้น ระหว่างเดือนกันยายนปี 2010 ถึงเดือนเมษายน 2013
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
'อาร์วีพี' ได้ร่วมงานกับ เฟอร์กี้ เพียงปีเดียวเท่านั้นในซีซั่น 2012-13 และเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุด หากนับไล่ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
ฟาน เพอร์ซี่ ทำสองแฮตทริกเกิดขึ้นในฤดูกาลแรกที่มาถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แฮตทริกแรกเกิดในเกมที่ เซนต์ แมรี่ส์ ที่บุกชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2
และแฮตทริกที่สอง ซึ่งเป็นแฮตทริกสุดท้ายก่อนมาถึง มาร์กซิยาล เกิดขึ้นในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0 โดยประตูแรกเป็นลูกวอลเล่ย์เท้าซ้ายที่ยังคงติดตาตรึงใจ และอยู่ในลิสต์ประตูสุดสวยตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกด้วย
ชินจิ คางาวะ
มิดฟิลด์เจแปนีส ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012 เช่นกันกับ ฟาน เพอร์ซี่ และได้ร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายก่อนที่ตำนานกุนซือชาวสกอตต์ตัดสินใจวางมือ
แม้ฟอร์มของ คางาวะ ดูอัดอั้นในชุด ปีศาจแดง ไม่มีความพลิ้วไหวเหมือนสมัยเล่นในบุนเดสลีกาให้กับ เสือเหลือง แต่ซีซั่นแรกของกองกลางที่เป็นหัวใจของทีมชาติญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ก็จบลงอย่างน่าประทับใจด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
และ คางาวะ ก็มีความทรงจำที่ดีเกิดขึ้นต่อหน้าแฟนๆ ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะมีแฮตทริกแรกและแฮตทริกเดียวกับ ผีแดง ในเกมชนะ นอริช 4-0 กลายเป็นนักเตะจากเอเชียคนแรกที่ซัลโวแฮตทริกในพรีเมียร์ลีกด้วย
เวย์น รูนี่ย์
ตำนานศูนย์หน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร มีช่วงเวลาที่ยิงระเบิดเถิดเทิงระหว่างปี 2009-2012 โดยที่ในปี 2011 มีแฮตทริกเกิดขึ้นจาก รูนี่ย์ ถึงสามครั้งด้วยกัน
ในฤดูกาล 2010-11 รูนี่ย์ ทำแฮตทริกในช่วงท้ายซีซั่นเกมที่ อัพตัน พาร์ค ที่บุกชนะ เวสต์แฮม 4-2 จากนั้นซีซั่น 2011-12 ก็มีแฮตทริกจากเกมที่กลายเป็นหนึ่งในเกมประวัติศาสตร์ นั่นคือการถล่ม อาร์เซน่อล 8-2 และอีกแฮตทริกติดๆ กันในอีก 13 วันถัดมา เกมที่บุกถล่ม โบลตัน วันเดอเรอร์ส 5-0
นั่นคือแฮตทริกสุดท้ายของ รูนี่ย์ ในชุด ปีศาจแดง แต่ไม่ใช่แฮตทริกสุดท้ายของ 'รูน' ในเกมพรีเมียร์ลีก เพราะหลังจากนั้นยังมีให้เห็นอีกครั้งในการกลับไปเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ในบรรดา 10 แฮตทริกหลังสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกยุค เฟอร์กี้ กลายเป็นของ เบอร์บาตอฟ ศูนย์หน้าอารมณ์ศิลปินมากถึง 4 ครั้ง และ 3 ใน 4 แฮตทริกเกิดขึ้นติดๆ กันในฤดูกาล 2010-11
แฮตทริกของ เบอร์บาตอฟ ที่ถูกจารึกอยู่ในความทรงจำ คือแฮตทริกในเกมแดงเดือดที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนกันยายนปี 2010 หนึ่งในประตูที่เกิดขึ้นมาจากการยิงกลับหลังสวยๆ ด้วย
ถัดมาสองเดือนเศษๆ เบอร์บาตอฟ ไม่เพียงแค่ยิงแฮตทริก แต่ยังจัดการซัลโวคนเดียว 5 ประตูในเกมถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 และหลังจากนั้นอีกสองเดือน อีกแฮตทริกก็เกิดขึ้นในเกมถล่ม เบอร์มิงแฮม 5-0
จากสามแฮตทริกในฤดูกาล 2010-11 ส่งให้ เบอร์บาตอฟ คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 20 ประตูร่วมกับ คาร์ลอส เตเวซ ที่ทำได้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วย
นั่นคือ 10 แฮตทริกสุดท้ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนห่างหายไปนานเกิน 7 ปี จนมาถึงแฮตทริกฮีโร่คนล่าสุด อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล