ชัยชนะที่ เอลแลนด์ โร้ด ทำให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ขยับเข้าใกล้การสัมผัสฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเต็มทีแล้ว
ฝันร้ายจากฤดูกาล 2018-19 ยังคงตามหลอกหลอน ลีดส์ และ บิเอลซ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซีซั่นเดินทางมาถึงช่วงเวลาสองเดือนสุดท้าย
บิเอลซ่า เกือบทำได้ตามเป้าหมายตั้งแต่ซีซั่นแรกที่คุมทีมในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด หลังจากสลับขึ้นๆ ลงๆ อันดับหนึ่งและสองมาเกือบตลอด แต่ดันมาฟอร์มหลุดในช่วงท้ายจนพลาดตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติ และการเล่นรอบเพลย์ออฟ ก็จอดป้ายด้วยการแพ้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ตั้งแต่ด่านแรก
28 พฤษภาคม 2019 บิเอลซ่า ตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะสู้ต่ออีกสักฤดูกาล หากยังพลาดเลื่อนชั้นอีก ก็จะอำลา เอลแลนด์ โร้ด แน่ๆ ดังนั้น ลีดส์ กับโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ จึงตกลงร่วมกันที่จะขยายสัญญาอีกหนึ่งซีซั่น
เวลาผ่านไป 1 ปีกับอีก 1 เดือน ลีดส์ กำลังจะคว้าโอกาสเลื่อนชั้นได้ตามเป้าเสียที จากชัยชนะที่เปิดบ้านถล่ม ฟูแล่ม 3-0 หลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ไปเสียท่าที่ คาร์ดิฟฟ์ 0-2
ชัยชนะที่ เอลแลนด์ โร้ด ทำให้ ลีดส์ ขยับหนี ฟูแล่ม ทีมอันดับสาม (ก่อนเกม) เพิ่มเป็น 10 คะแนน แต่หลังจบเกมที่ 39 อันดับสามเปลี่ยนมือมาเป็น เบรนท์ฟอร์ด ที่มีความห่าง 8 คะแนน
ดังนั้น การมีคะแนนนำ 8 แต้ม ขณะที่เหลืออีก 7 เกมสุดท้าย จึงไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสำหรับ ลีดส์ และ บิเอลซ่า ที่เตรียมจองตั๋วขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 เอาไว้ได้เลย
บิเอลซ่า สัมผัสเกมลาลีกา กับ ลีกเอิง มาแล้ว แต่ยังไม่เคยสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกมาก่อน แม้ก่อนหน้านี้แฟนบอลในอังกฤษรู้จักชื่อเสียงเรียงนามเป็นอย่างดี จากเกมที่ สิงโตคำราม เอาชนะ อาร์เจนตินา ในรอบแบ่งกลุ่ม เวิลด์คัพ 2002 พร้อมถีบทีมของ บิเอลซ่า ตกรอบแรกอย่างน่าขายหน้า
กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกในยุโรปมาก่อน ดังนั้นการครองแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ จึงเป็นความหวังสูงสุดในฤดูกาลนี้ แม้เป็นเพียงแค่ลีกรองของอังกฤษก็ตาม
สำหรับ ลีดส์ ก็ไม่เคยกลับคืนพรีเมียร์ลีกอีกเลย นับตั้งแต่ตกชั้นลงมาเมื่อปี 2004 หรือ 16 ปีที่แล้ว มิหนำซ้ำ เคยมีช่วงเวลาเลวร้ายถึงขั้นร่วงสู่ลีกวันอยู่สามฤดูกาลระหว่างปี 2007-2010 ด้วย
และการกลับคืนสู่ แชมเปี้ยนชิพ หลังจากนั้น ยูงทอง ก็ไม่เคยใกล้เคียงกับการลุ้นเลื่อนชั้นเลย มีเพียงแค่ซีซั่น 2010-11 กับ 2016-17 ที่ใกล้เคียงกับการลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟ แต่ก็พลาดหวัง กระทั่งการมาของ บิเอลซ่า เมื่อปี 2018 ก็จุดไฟให้ทีมกลับมามีความหวังอีกครั้ง
ปัญหาที่ได้เห็นจาก ลีดส์ ในฤดูกาลนี้ ยังคงคล้ายคลึงกับซีซั่นก่อน นั่นคือการจัดทัพสิบเอ็ดตัวจริงที่ บิเอลซ่า แทบจะไม่มีการโรเตชั่นเลย หากไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขนาดทีมที่ไม่ใหญ่นัก และตัวสำรองส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่งที่ฝีเท้าห่างจากทีมตัวจริงมากเกินไป
ดังนั้น เมื่อย้อนกลับไปดูช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว พอตัวหลักบาดเจ็บหรือฟอร์มตก บิเอลซ่า ก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีพอที่จะเข้ามาทดแทน
แม้ขนาดทีมของ บิเอลซ่า ไม่ได้ใหญ่โตขึ้นในซีซั่นนี้ แต่การเสริมทัพถือว่าเข้าเป้า จากการยืม เบน ไวท์ เซนเตอร์แบ็กมาจาก ไบรท์ตัน, เอลแดร์ คอสต้า ปีกมาจาก วูลฟ์แฮมป์ตัน และต่อสัญญายืม แจ๊ค แฮร์ริสัน ปีกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกฤดูกาล
ถึงตอนนี้ อันเดรีย ราดริซซานี่ เจ้าของสโมสรชาวอิตาเลียน เริ่มมองถึงโปรเจกท์สำหรับฤดูกาลหน้าในพรีเมียร์ลีกเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้แล้ว นอกเหนือจากการเสริมทัพ สิ่งสำคัญที่สุดคือการต่อสัญญากับ บิเอลซ่า ด้วยการมอบข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อเป็นรางวัลตอบแทนความพยายาม
ลีดส์ ยูไนเต็ด จะต้องหาวิธีเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกให้ได้ เหมือนอย่างที่ คริส ไวล์เดอร์ ทำกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ เพราะฟุตบอลที่เล่นด้วยความหนักหน่วงและเน้นเกมเหนียวแน่น พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
มากกว่าฟุตบอลสวยงามอย่าง นอริช ที่แม้ซีซั่นก่อนเลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ แต่ซีซั่นนี้กำลังนับถอยหลังรอกลับ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้ง
แต่ความเหนียวแน่นในเกมรับ ก็เป็นของขึ้นชื่อของ บิเอลซ่า อยู่แล้ว หากได้การเสริมทัพที่ลงตัว โดยเฉพาะในราย เบน ไวท์ หากสามารถรั้งตัวอยู่กับทีมได้อีกสักฤดูกาล รับรองว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด จะต่อสู้อยู่ในพรีเมียร์ลีกได้สบายๆ