ในขณะที่แมวมองของสโมสรพรีเมียร์ลีกต่างๆ กำลังเสาะหานักเตะจากทั่วทุกมุมโลก ยังมีอีกซอกหลืบหนึ่งที่อาจมีช้างเผือกหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น
นักฟุตบอลจากนอกลีกของอังกฤษ หลายต่อหลายคนสร้างชื่อขึ้นสู่ฟุตบอลลีกอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น ลีกทู, ลีกวัน หรือ แชมเปี้ยนชิพ แต่ก็มีบางคนที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก ได้
ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน นี่คือ 10 นักเตะที่ครั้งหนึ่งเคยเล่นกับสโมสรนอกลีก และมีโอกาสก้าวขึ้นสู่สโมสรพรีเมียร์ลีกหรือลีกสูงสุดของประเทศอื่นๆ ในเวลาต่อมา มีใครหน้าไหนกันบ้าง ไปติดตาม
มิคาอิล อันโตนิโอ
ศูนย์หน้าจอมโหม่งของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในอดีตเคยเริ่มต้นฝึกฟุตบอลกับสโมสร ทูทติ้ง แอนด์ มิทแชม ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 12 จนอายุ 17 ก็เซ็นสัญญาฉบับแรกกับทีมชุดใหญ่ ที่เล่นอยู่นอกลีกในระดับอิสท์เมียน ดิวิชั่น 1 และได้ประเดิมสนามในวัยนั้น
รู้ตัวอีกทีคือได้ย้ายสู่ เร้ดดิ้ง ทีมดังแชมเปี้ยนชิพในปีต่อมา จากนั้นก็ไป เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่เล่นอยู่ในชปช.ทั้งหมด ก่อนที่ผลงานเตะตา เวสต์แฮม จนต้องซื้อไปร่วมทัพในปี 2015 ถึงตอนนี้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 130 นัดยิง 34 ประตู
คริส สมอลลิ่ง
จุดเริ่มต้นของเซนเตอร์แบ็กท่าวิ่งกระโดกกระเดกรายนี้อยู่กับทีมเยาวชนของ เมดสโตน ยูไนเต็ด ทีมนอกลีกระดับอิสท์เมียนลีก แต่หลังจากก้าวขึ้นชุดใหญ่ได้ฤดูกาลเดียวในซีซั่น 2007-08 ก็ถูก ฟูแล่ม ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ดึงตัวไปร่วมทัพ
แม้ยังได้รับโอกาสลงสนามไม่มาก แต่ไม่น่าเชื่อว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และทีมงาน มองเห็นแววโดดเด่นจนต้องเซ็นสัญญาร่วมทัพตั้งแต่เนิ่นๆ จากนั้นก็อยู่ในทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 9 ฤดูกาล ก่อนที่ซีซั่นนี้ปล่อยตัวไปเล่นกับ โรม่า ด้วยสัญญายืม
แดนนี่ อิงส์
นับตั้งแต่เกมฟุตบอลรีสตาร์ทจากพิษโควิด-19 อิงส์ คือหนึ่งในศูนย์หน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุด โดยผลงานกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ฤดูกาลนี้ยิงไปแล้ว 22 ประตูจาก 39 เกม
อิงส์ เริ่มต้นฝึกหัดกับ เนทลี่ย์ เซนทรัล สปอร์ตส์ ต่อด้วย เซาธ์แฮมป์ตัน และ บอร์นมัธ สโมสรแรกในฐานะนักเตะอาชีพ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ปล่อยตัวให้ ดอร์เชสเตอร์ ทาวน์ ทีมนอกลีกระดับคอนเฟอเรนซ์ เซาธ์ ยืมไปร่วมทัพในฤดูกาล 2010-11
เบิร์นลี่ย์ คว้าตัวไปร่วมทัพในลีกแชมเปี้ยนชิพปี 2011 และมายิงระเบิดในซีซั่น 2013-14 จนพาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก และซีซั่นแรกในลีกสูงสุดตะบัน 11 ประตูจาก 35 เกม ก่อนหมดสัญญาแล้วย้ายไปดับกับ ลิเวอร์พูล เพราะปัญหาหลักคืออาการบาดเจ็บ
อิงส์ กลับมาอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวซีซั่นที่แล้ว แม้ยิงเพียง 7 ประตูจาก 24 เกม แต่ นักบุญ ก็ตัดสินใจซื้อขาดในราคา 18+2 ล้านปอนด์ กลายเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าสุดๆ
โจ ฮาร์ท
เด็กหนุ่มจาก ชรูว์สบิวรี่ เริ่มต้นฝึกหัดฟุตบอลกับสโมสรเมืองเกิด ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ และได้ประเดิมเฝ้าเสากับทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 17 โดยตอนนั้นต้นสังกัดเล่นอยู่นอกลีกระดับคอนเฟอเรนซ์
แต่ซีซั่นที่แจ้งเกิดเต็มตัวคือ 2005-06 ที่กลายเป็นมือหนึ่งของทีมในเวทีลีกทู และด้วยผลงานที่โดดเด่นเตะตากับทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ในช่วงเวลานั้น ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าตัวไปครอบครอง ท่ามกลางความสนใจจากหลายต่อหลายสโมสร
ฮาร์ท เริ่มแย่งตำแหน่งมือหนึ่งในสามฤดูกาลแรก ก่อนยึดตัวจริงเต็มตัวตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 และประสบความสำเร็จสูงสุดคือแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2011-12 และ 2013-14 ที่เป็นมือหนึ่งทั้งในยุคของ โรแบร์โต้ มันชินี่ และ มานูเอล เปเยกรินี่
ปัจจุบัน ฮาร์ท กลายเป็นนักเตะไร้สังกัด หลังหมดสัญญากับ เบิร์นลี่ย์ สโมสรล่าสุด
ทรอย ดีนี่ย์
เส้นทางการค้าแข้งของ ดีนี่ย์ แตกต่างจากชาวบ้าน เพราะกว่าจะได้เล่นพรีเมียร์ลีกไม่ได้สวยหรูและง่ายดายเหมือนคนอื่นๆ แถมชีวิตวัยเด็กก็ยังยากลำบาก เพราะถูกพ่อทำร้ายทั้งตนเองและแม่
ในช่วงเริ่มต้น ทีมเยาวชนของ แอสตัน วิลล่า เชื้อเชิญ ดีนี่ย์ ในวัย 15 ปี มาทดสอบฝีเท้าในช่วงซัมเมอร์เป็นเวลา 4 วัน แต่ด้วยความแสบ เจ้าตัวไม่ได้มาซ้อมสามวันแรก เพราะรู้ว่าจะมีเกมแข่งในวันสุดท้าย แล้วแบบนี้ใครจะยื่นข้อเสนอดึงตัวร่วมทัพละ
ดีนี่ย์ ในวัย 18 ถูกหัวหน้าศูนย์ฝึกเยาวชนของ วอลซอลล์ ที่ตอนนั้นอยู่ในลีกทู ดึงตัวไปฝึกฝีเท้า เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่เข้าไปดูเกมฟุตบอลที่ลูกชายของตัวเองลงเล่น แต่ซีซั่นแรกปล่อยยืมไปเล่นกับ เฮลโซเวน ทาวน์ ทีมนอกลีกระดับเซาธ์เทิร์นลีก ซึ่งยิง 8 ประตูจาก 10 เกม
จากนั้นเส้นทางในทีมชุดใหญ่ก็สดใส 14 ประตูจาก 42 เกมในลีกวัน ทำให้ วัตฟอร์ด ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ ดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2010 กลายเป็นตัวหลักของทีมทันที และเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกด้วยกันมาในปี 2015
เกล็น เมอร์รี่ย์
เมอร์รี่ย์ เริ่มฝึกฝีเท้ากับทีมนอกลีก เวิร์คกิงตัน เร้ดส์ ก่อนย้ายไปสหรัฐอเมริกา วิลมิงตัน แฮมเมอร์เฮดส์ ในปี 2004 ซึ่งตอนนั้นอายุ 21 ปีแล้ว และใช้เวลาอยู่กับสโมสรในนอร์ธ แคโรไลน่า ในศึกยูเอสแอล โปรลีก 14 เกม
หลังจากนั้น เมอร์รี่ย์ บินกลับอังกฤษ มาเล่นกับ บาร์โรว์ และ คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด สองทีมที่อยู่นอกลีกระดับคอนเฟอเรนซ์ เนชันแนล และใช้เวลาสองปีพา คาร์ไลส์ เลื่อนชั้นสองขั้นสู่ลีกทูและลีกวัน
เมอร์รี่ย์ ย้ายไป โรชเดล ในลีกทู และ ไบรท์ตัน ในลีกวัน กว่าจะได้สัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับ คริสตัล พาเลซ ต้องรอถึงอายุ 30 ปี และโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดเรื่อยมากับ บอร์นมัธ และ ไบรท์ตัน ที่ช่วยพาทีมเลื่อนชั้นในปี 2017
ยานนิค โบลาซี่
โบลาซี่ มีเชื้อสายดีอาร์คองโก แต่เกิดที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส และย้ายมาอยู่อังกฤษตั้งแต่ตอน 7 เดือน เติบโตในกรุงลอนดอน เริ่มฝึกฟุตบอลกับ รัชเดน แอนด์ ไดมอนด์ส แล้วไปเริ่มต้นนักเตะอาชีพกับ ฮิลลิงดอน โบโร่ ทีมนอกลีกระดับเซาธ์เทิร์น ดิวิชั่น 1 เซาธ์ แอนด์ เวสต์ ก่อนย้ายไป โฟลเรียน่า ในลีกมอลตาช่วงสั้นๆ
กลับอังกฤษอีกที โบลาซี่ ได้ร่วมทัพ พลีมัธ อาร์ไกล์ ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ และซีซั่นแรก 2008-09 ถูกปล่อยยืมไป รัชเดน แอนด์ ไดมอนด์ส ที่อยู่นอกลีกระดับคอนเฟอเรนซ์ พรีเมียร์
จากนั้นก็ยังไปแจ้งเกิดกับ บริสตอล ซิตี้ ในแชมเปี้ยนชิพ และไปดังเปรี้ยงปร้างกับ คริสตัล พาเลซ ที่เลื่อนชั้นด้วยกันในปี 2013 ก่อนย้ายค่าตัวมหาศาลไป เอฟเวอร์ตัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันอยู่กับ สปอร์ติ้ง ด้วยสัญญายืมตัว
คัลลัม วิลสัน
วิลสัน เป็นเด็กฝึกหัดของสโมสร โคเวนทรี ซิตี้ และในช่วงเริ่มต้นก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ถูกส่งไปชุบตัวอยู่กับ เคทเทอริ่ง ทาวน์ กับ แทมเวิร์ธ สองทีมที่อยู่นอกลีกระดับคอนเฟอเรนซ์พรีเมียร์เหมือนกัน
จากนั้นพอ วิลสัน หมดสัญญายืมตัวกลับสู่ โควนทรี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทีมตกชั้นจากแชมเปี้ยนชิพสู่ลีกวัน และเจ้าตัวก็แจ้งเกิดด้วยการยิง 21 ประตูจาก 37 เกมในฤดูกาล 2013-14 กลายเป็นการเปิดประตูสู่ บอร์นมัธ ในแชมเปี้ยนชิพ
วิลสัน ใช้เวลาซีซั่นแรก ซัลโว 20 ประตูจาก 45 เกม พาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2015 กลายเป็นตัวหลักของทีมเรื่อยมา และมีผลงานที่ดีที่สุดคือซีซั่น 2018-19 ที่ยิง 14 ประตูจาก 30 เกมพรีเมียร์ลีก จนก้าวขึ้นไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษ 4 เกมในช่วงเวลานั้น