:::     :::

ยุคบุกเบิกพรีเมียร์ลีก...หลายทีมไปอยู่ไหน(ตอน2)

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,449
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
(ความเดิมจากตอนแรก) เห็นการกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทำให้นึกถึงซีซั่นแรก 1992-93 ที่ยังมีหลายสโมสรล้มลุกคลุกคลานอยู่ในลีกล่าง

หลังจากพูดถึง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, วิมเบิลดัน, ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, โคเวนทรี ซิตี้ และ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในตอนแรกไปแล้ว ยังมีอีก 4 สโมสร (ยกเว้น ลีดส์) ที่ปัจจุบันยังไม่มีโอกาสกลับสู่พรีเมียร์ลีก แม้มีบางทีมเกือบจะทำได้ในฤดูกาลนี้ก็ตาม

น็อตติงแฮม ฟอเรสต์
การก้าวเข้ามาของตำนานผู้จัดการทีม ไบรอัน คลัฟ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของสโมสร น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เช่นเดียวกับการย้ายมาเป็นดาวซัลโวประจำทีมของ ปีเตอร์ วิธ ที่ช่วยกันปลุกทีมจากดิวิชั่น 2 กลับขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 หรือลีกสูงสุดอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล ครองความยิ่งใหญ่ กวาดแชมป์ดิวิชั่น 1 ระหว่างฤดูกาล 1972-73 ถึง 1976-77 สามจากห้าซีซั่น โดยสองซีซั่นที่ผิดหวัง ก็เป็นรองแชมป์ แต่การเลื่อนชั้นของ ฟอเรสต์ ในซีซั่น 1976-77 ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ เมื่อ คลัฟ พาทีมสยบ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลถัดมาทันที โดยมี วิธ กับ โทนี่ วูดค็อก เป็นสองดาวซัลโวร่วม
ที่เกริ่นมายาวขนาดนี้ เพราะ ฟอเรสต์ ยืนหยัดอยู่ในลีกสูงสุดนับตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีก ก็ร่วมเป็น 1 ใน 22 สโมสรรุ่นบุกเบิกด้วย
น่าเสียดายที่ซีซั่นแรก 1992-93 ในพรีเมียร์ลีก ฟอเรสต์ ตัดสินใจขายดาวซัลโวฤดูกาลก่อน เท็ดดี้ เชอริงแฮม ไปให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำให้ ไนเจล คลัฟ ลูกชายของ ไบรอัน คลัฟ ที่เป็นดาวซัลโวประจำทีม 5 จาก 7 ฤดูกาลก่อนหน้า ต้องรับบทหนัก และสุดท้าย ฟอเรสต์ ก็ตกชั้น และเป็นฤดูกาลสุดท้ายในการคุมทีมของ ไบรอัน คลัฟ เช่นเดียวกับลูกชาย ไนเจล คลัฟ ที่ขายไปให้ ลิเวอร์พูล
ฟอเรสต์ ลงมาจุ่มอยู่ในดิวิชั่น 1 หรือ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน แค่ปีเดียว สแตน คอลลิมอร์ ศูนย์หน้าคนใหม่ ก็พาทีมเลื่อนชั้นกลับมา และสร้างปรากฏการณ์เล็กๆ ด้วยการพาทีมจบสูงถึงอันดับสามในพรีเมียร์ลีกซีซั่นถัดมา จากนั้น คอลลิมอร์ ก็เสร็จ ลิเวอร์พูล อีกราย และทีมต้องตกชั้นอีกในปี 1997
แม้ เจ้าป่า เลื่อนชั้นเพียงปีเดียวจากดาวซัลโวคนใหม่ ปิแอร์ ฟาน ฮอยดองค์ แต่ซีซั่นเดียวก็ตกชั้นกลับไปอีก และครั้งนี้เป็นเวลากว่า 21 ปีแล้วที่ ฟอเรสต์ หายหน้าไปจากพรีเมียร์ลีก ซ้ำร้ายยังเคยลงไปอยู่ใน ลีกวัน ถึงสามฤดูกาลระหว่าง 2005-06 ถึง 2007-08
ฤดูกาลนี้ ฟอเรสต์ ในยุคที่มีเจ้าของสโมสรเป็นนักธุรกิจชาวกรีซ เกือบมีลุ้นเลื่อนชั้น แต่เกมสุดท้ายของฤดูกาลดันเสียท่าจนหลุดจากพื้นที่เพลย์ออฟแบบเจ็บปวด จึงต้องไปว่ากันใหม่ในฤดูกาลหน้า
โอลด์แฮม แอธเลติก
หากไม่นับ วิมเบิลดัน ที่ตอนนี้เหลือแค่ชื่อสโมสรและความทรงจำในอดีต โอลด์แฮม แอธเลติก คือ 1 ใน 22 สโมสรซีซั่นแรกของพรีเมียร์ลีก ที่ปัจจุบันตกต่ำที่สุดชนิดเจียนอยู่เจียนไปในฟุตบอลลีกอังกฤษ
จะว่าไปแล้ว โอลด์แฮม กลายเป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาถูกเวลา เพราะนับตั้งแต่ตกชั้นจากดิวิชั่น 1 ในปี 1923 ลาติกส์ ไม่เคยกลับสู่ลีกสูงสุดอีกเลยจนกระทั่งการเลื่อนชั้นในปี 1991 และอยู่รอดในซีซั่น 1991-92 ก่อนจะกลายเป็นสมาชิกปีแรกของพรีเมียร์ลีก
แกรม ชาร์ป ศูนย์หน้าคนดังถูกดึงตัวมาจาก เอฟเวอร์ตัน ในปี 1991 เป็นความหวังสูงสุดของทีมในการต่อสู้บนเวทีลีกสูงสุด แต่ก็อยู่ได้เพียงสามฤดูกาล โอลด์แฮม มีอันต้องตกชั้นในปี 1994 หลังจากดิ้นรนมาได้ในปีก่อน
แต่ในฤดูกาล 1993-94 ที่ตกชั้น โอลด์แฮม เกือบทำแสบใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่ เวมบลีย์ เมื่อยิงขึ้นนำในช่วงต่อเวลาพิเศษ และกำลังแหย่เท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 120+1 มาร์ค ฮิวจ์ส มายิงตีเสมอ 1-1 ให้ ผีแดง และเกมรีเพลย์ที่ เมน โร้ด ก็ไม่มีการพลิกล็อกเกิดขึ้น
หลังจากลงไปอยู่ใน ดิวิชั่น 1 หรือ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน โอลด์แฮม แต่งตั้ง ชาร์ป ให้รับบทผู้เล่น-ผู้จัดการทีม แต่ก็ไปไม่รอดในอีกสามปีต่อมา ที่ต้องตกชั้นอีกขั้นสู่ ดิวิชั่น 2 หรือ ลีกวัน ปัจจุบัน และ ชาร์ป ก็อำลาทีม
โอลด์แฮม ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ใน ดิวิชั่น 2 (จนกระทั่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น ลีกวัน เมื่อปี 2004) มาอย่างยาวนาน 21 ฤดูกาลติดต่อกัน และด้วยปัญหาทางการเงินที่ประสบหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็ส่งผลถึงฟอร์มในสนาม และต้องตกชั้นลงสู่ ลีกทู เมื่อสองปีก่อน
ฤดูกาลปัจจุบัน ศึกลีกทูตัดจบซีซั่นหลังผ่าน 36-37 เกม โดยที่ โอลด์แฮม จบอันดับ 19 (จาก 24 ทีม) กลายเป็นงานเข็นครกขึ้นภูเขาลูกใหญ่ หากหวังจะเลื่อนชั้นกลับสู่ ลีกวัน ในเร็วๆ นี้
มิดเดิลสโบรช์
หลังตกชั้นจากลีกสูงสุดในปี 1982 มิดเดิลสโบรช์ ประสบปัญหาการเงินขั้นรุนแรง จนเข้าสู่จุดวิกฤติในปี 1986 ที่สโมสรต้องตกชั้นอีกขั้นลงสู่ ดิวิชั่น 3 หรือ ลีกวัน ปัจจุบัน
สตีฟ กิ๊บสัน ชาวเมืองมิดเดิลสโบรช์ ที่เป็นแฟนบอลพันธ์แท้ของ มิดเดิลสโบรช์ มาทั้งชีวิต กลายเป็นคนที่เข้ามาช่วยเซฟสถานการณ์อันเลวร้ายของสโมสรในช่วงเวลานั้น หลังจากก้าวเข้าร่วมอยู่ในบอร์ดบริหารของสโมสรก่อนหน้านั้นสองปี และกลายเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดของสโมสรในวัยเพียง 26 ปี
เดอะ โบโร่ ค่อยๆ ฟื้นคืนชีพ เลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 หรือ ลีกสูงสุดภายในระยะเวลาเพียงสองปี แม้ตกชั้นอีกครั้ง แต่ก็เลื่อนชั้นขึ้นมาในปี 1992 ทันช่วงเวลาที่ลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก พอดิบพอดีเป๊ะ
แต่ฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีกที่คุมทีมโดย เลนนี่ ลอว์เรนซ์ เดอะ โบโร่ ไม่มีอาวุธมากพอที่จะไปสู้รบกับทีมอื่น และสุดท้ายก็ต้องตกชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 หรือ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน เพียงปีเดียว
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นกับสโมสรหลังจากนั้น เมื่อ กิ๊บสัน กว้านซื้อหุ้นของสโมสรจนถืออยู่ในมือ 90 เปอร์เซนต์ และนั่งเก้าอี้ประธานสโมสรต่อจาก โคลิน เฮนเดอร์สัน ในปี 1994
กิ๊บสัน สร้างความฮือฮาด้วยการดึง ไบรอัน ร็อบสัน ตำนานทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมในวัย 31 ปี ในบทบาทผู้เล่น-ผู้จัดการทีม และใช้เวลาปีเดียวเลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ กลับสู่พรีเมียร์ลีกปี 1995
การกลับมาหนนี้ ทำให้โลกฟุตบอลต้องจดจำชื่อสโมสร มิดเดิลสโบรช์ ไปตลอดกาล เพราะ กิ๊บสัน ควักกระเป๋าสร้างสนามใหม่เอี่ยมอ่อง ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม และเปิดใช้งานครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1995-96 พร้อมกับทุ่มงบซื้อ จูนินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรุกบราซิล ตามด้วย ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ กองหน้าอิตาเลียนในปีต่อมา
แม้ซีซั่น 1996-97 เดอะ โบโร่ ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก แต่เป็นฤดูกาลที่สโมสรสร้างชื่อให้โลกจดจำ ด้วยการเข้าชิงบอลถ้วยทั้งสองรายการ เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ แต่อกหักทั้งสองถ้วย จากการมีแนวรุกอันน่าตื่นตาตื่นใจ 31 ประตูจาก ราวาเนลลี่ และ 15 ประตูจาก จูนินโญ่ สวนทางกับแนวรับที่อ่อนปวกเปียก
หลังจากนั้นปีเดียว มิดเดิลสโบรช์ กลับมาใหม่และอยู่ในพรีเมียร์ลีกนานถึง 11 ฤดูกาล ก่อนตกชั้นไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ อยู่ 7 ปี ก็ได้กลับขึ้นสู่ลีกสูงสุด แต่แค่ปีเดียวก็หล่นไปอีก และกำลังจะต้องเล่นอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ ต่อในฤดูกาล 2020-21
อิปสวิช ทาวน์
อิปสวิช ทาวน์ คว้าแชมป์หนสุดท้ายเกิดขึ้นในฤดูกาล 1991-92 เป็นแชมป์ดิวิชั่น 2 หรือ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน แบบถูกที่ถูกเวลา เพราะการเลื่อนชั้นในครั้งนั้น ลีกสูงสุดได้เปลี่ยนมาเป็น พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแรกพอดี
คริส คีวอมย่า ที่เป็นดาวซัลโวของสโมสรมาสองฤดูกาลก่อนหน้า ยังคงแบกทีมและพา อิปสวิช อยู่รอดปลอดภัยในฤดูกาล 1992-93 แบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย และยังได้ เอียน มาร์แชลล์ เข้ามาช่วยยิงอีกในฤดูกาลถัดมา
แต่ทั้ง คีวอมย่า และ มาร์แชลล์ ก็นัดกันฟอร์มฝืดในฤดูกาล 1994-95 ส่งผลให้ อิปสวิช แพ้ถึง 17 จาก 23 เกมแรกพรีเมียร์ลีกจนจบปี 1994 และ คีวอมย่า ก็ถูกขายให้ อาร์เซน่อล ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1995 จากสถานการณ์ที่ไม่รอดตกชั้นแน่นอน
อิปสวิช ลงไปใช้ชีวิตอยู่ใน ดิวิชั่น 1 หรือ แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน 5 ฤดูกาล จอร์จ เบอร์ลี่ย์ ก็พาทีมกลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2000-01 แม้ เดวิด จอห์นสัน ดาวยิงซีซั่นก่อน ประสบปัญหาในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกจนต้องขายให้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์
แต่ช่วงเวลานั้น มาร์คัส สจ๊วร์ต โผล่ขึ้นมาเป็นดาวเด่นของทีม และสร้างชื่อกลายเป็นรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 19 ประตู เป็นรองแค่ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซงแบงค์ ของ เชลซี คนเดียว ขณะที่ผลงานของ อิปสวิช จบสูงถึงอันดับ 5 เป็นอันดับที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และเป็นผลงานที่ดีที่สุดในลีกสูงสุดนับตั้งแต่การจบรองแชมป์ฤดูกาล 1980-81 และ 1981-82
อย่างไรก็ตาม การรับมือกับเกม ยูฟ่า คัพ ที่เพิ่มเติมเข้ามา ดูเหมือนจะหนักหนาเกินไปสำหรับ อิปสวิช ที่ฝ่าสองด่านแรกเข้าไปแพ้ อินเตอร์ มิลาน ในรอบสาม แลกมาด้วยการตกชั้นในซีซั่นนั้นด้วยการจบอันดับ 18
และฤดูกาล 2001-02 ก็กลายเป็นซีซั่นสุดท้ายของ อิปสวิช ในพรีเมียร์ลีกมาจนปัจจุบัน ซ้ำร้ายหลังจาก 17 ฤดูกาลใน แชมเปี้ยนชิพ เดอะ แทร็กเตอร์ บอยส์ ก็ตกชั้นสู่ ลีกวัน ในปี 2019 และยังคงต้องเล่นอยู่ในลีกระดับดิวิชั่น 3 ต่อไปอีกในฤดูกาลหน้า 2020-21

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด