คงบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่หมดว่าชัยชนะของ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่ ลิสบอน เมื่อวันพุธที่ 12 สิงหาคม มีค่าและมีความหมายกับสโมสรมากแค่ไหน
นี่คือชัยชนะที่ส่งให้ เปแอสเช ลบคำสาปในรอบน็อกเอาท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สำเร็จ
นี่คือชัยชนะที่ส่งให้ เปแอสเช ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
และที่สำคัญที่สุด นี่คือชัยชนะในวันฉลองครบรอบอายุ 50 ปีของ เปแอสเช
12 สิงหาคม 1970 คือวันก่อตั้งสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง พวกเขาไม่ใช่สโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และยาวนาน แต่เป็นสโมสรที่มีความมุ่งมั่นและมีพัฒนาการมากที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ
ในอดีต ยุครุ่งเรืองของ เปแอสเช คือช่วงทศวรรษที่ 1990 ที่มีจอมทัพคนสำคัญ ไร นำทัพแดนกลางร่วมกับ ปอล เลอ กูแอ็น และมีแนวรุก จอร์จ เวอาห์ กับ ดาวิด ชิโนล่า สลับสับเปลี่ยนมาจนถึง ยูริ จอร์เกฟฟ์ กับ ปาทริซ โลโก้
การผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ปี 1993, เข้ารอบรองฯ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1994 และไต่เต้าสู่รอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1995
ก่อนที่ปี 1996 จะได้สัมผัสแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ เป็นแชมป์ยุโรปครั้งแรกของ เปแอสเช และเป็นหนึ่งในสองสโมสรฝรั่งเศสที่ได้สัมผัสแชมป์รายการเมเจอร์ของยุโรป
แต่หลังจากนั้นชื่อของ เปแอสเช ก็เงียบหายไปจากฟุตบอลยุโรป
จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร เมื่อได้กลุ่มทุน กาตาร์ สปอร์ตส์ อินเวสท์เมนท์ส เข้ามาดูแลกิจการสโมสร สถานการณ์ต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเสริมทัพ
ฤดูกาล 2012-13 เป็นการได้กลับมาเล่นถ้วยใหญ่ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งในรอบ 8 ปี และ เปแอสเช กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา กวาดแชมป์ลีกเอิง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่ในเกมยุโรปจอดที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้ง 4 ปี
และอีก 3 ฤดูกาลต่อมา เปแอสเช ก็ยังตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้ง 3 ปีแบบเจ็บปวดสุดๆ อย่างในซีซั่น 2016-17 ที่เกมแรกชนะ บาร์เซโลน่า มาก่อน 4-0 แต่เกมสองที่ คัมป์ นู บุกแพ้ 1-6 โดยเฉพาะสามประตูสุดท้ายที่เสียเกิดขึ้นในนาที 88, 90+1 และ 90+5 ซึ่งสองในสามประตูนี้เกิดขึ้นจากฝีเท้า เนย์มาร์
หรือจะเป็นซีซั่น 2018-19 ที่ เปแอสเช บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาก่อนแบบสบายเท้า 2-0 และนัดสองในบ้าน สกอร์ตามหลัง 1-2 กำลังรอเสียงนกหวีดฉลองการเข้ารอบ แต่ในช่วงทดเจ็บกลับมาเสียจุดโทษจากการใช้ วีเออาร์ ในการตัดสินย้อนหลัง
ตลอด 7 ฤดูกาลที่่ผ่านมา เปแอสเช เหมือนโดนคำสาบให้ต้องสะดุดในรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย กับ 8 ทีมสุดท้ายมาโดยตลอด ดังนั้น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงเป็นเป้าหมายสูงสุดของเทรนเนอร์ทุกคนที่เข้ามาคุม และเรื่องนี้ โธมัส ทูเคิ่ล ทราบดีอยู่แล้ว จากบทเรียนราคาแพงซีซั่นก่อน
การยิงสองประตูใส่ อตาลันต้า ในช่วงเวลาเพียง 149 วินาที (จากนาที 90 ถึง 90+3) จึงถือเป็นการปลดล็อคที่เคยถูกลงกลอนเอาไว้มานานถึง 25 ปี เพราะนี่คือการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเพิ่งเป็นเพียงหนที่สามที่ทีมจากฝรั่งเศสทำได้ จากความพยายามทั้งหมด 11 ครั้งในรอบก่อนรองฯ
และบังเอิญว่าความสำเร็จนี้เกิดขึ้นในวันครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งของสโมสรด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เพราะปกติแล้วโปรแกรมรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
ถึงตอนนี้ เปแอสเช ไม่มีเวลาสนใจฉลองเรื่องการปลดล็อคผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศมากนัก เพราะมีเวลาพักผ่อนและเตรียมทีมอีก 5 วัน ก่อนลงเล่นรอบต่อไปเจอผู้ชนะระหว่าง แอร์เบ ไลป์ซิก กับ แอตเลติโก มาดริด วันอังคารที่ 18 สิงหาคม
ชัดเจนว่าเวลานี้ เปแอสเช กำลังคึกคักและฮึกเหิมเต็มที่สำหรับการลุ้นโทรฟี่ที่ 42 นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และเป็นการลุ้นแชมป์รายการใหญ่ใบที่ 4 ของฤดูกาล 2019-20 เพราะก่อนหน้านี้ครองแชมป์ลีกเอิง, เฟร้นช์คัพ, เฟร้นช์ลีกคัพ ไปทั้งหมดแล้ว นี่ยังไม่นับรวม โทรฟี่ เดส์ ช็องปิยงส์