บางครั้ง ความพ่ายแพ้คือจุดเริ่มให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นคือสิ่งที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องยอมรับ และปรับแก้กันไปในแต่ละนัด
แท็กติก 3-5-1-1 ที่มีตัวรุกแท้ๆ เพียงแค่ เอแดน อาซาร์ กับ อัลบาโร่ โมราต้า อาจใช้ได้ผลในเกมชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ถล่ม เวสต์บรอมวิช และบุกเสมอ ลิเวอร์พูล เพราะฟอร์มอันยอดเยี่ยมของทั้งคู่
แต่หาก อาซาร์ หรือ โมราต้า โชว์ฟอร์มไม่ออกขึ้นมา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น? นั่นคือสิ่งที่ได้เห็นตั้งแต่เกมเสมอ แอตเลติโก มาดริด 1-1 จนมาถึงเกมที่บุกแพ้ เวสต์แฮม 0-1
หากเทียบกับคู่แข่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้า เซร์คิโอ อเกวโร่ เล่นไม่ออก ก็ยังมี ราฮีม สเตอร์ลิง ถ้า สเตอร์ลิง เล่นไม่ออก ก็ยังมี เลรอย ซาเน่ ถ้า ซาเน่ เล่นไม่ออก ก็ยังมี กาเบรียล เชซุส ยังมี ดาบิด ซิลบา ยังมี เควิน เดอ บรอยน์
หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยึดระบบ 4-2-3-1, ลิเวอร์พูล ที่ใช้ระบบ 4-3-3 ต่างก็มีตัวรุก 3-4 คนคอยสลับกันปั้นเกม และสลับกันจบสกอร์ เป็นต้น
ไม่ได้หมายความว่า พอแพ้แล้ว จะไปยัดเยียดความผิดให้กับแท็กติกของ คอนเต้ เพียงแต่แท็กติกเดียว ไม่สามารถใช้ได้กับทุกเกม
ก่อนเกมที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม ทุกคนคาดเอาไว้อยู่แล้วว่า ทีมของ เดวิด มอยส์ จะมาเน้นเกมรับคอยดูเชิง และ สิงโตน้ำเงิน จะเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า แต่จะบุกเจาะเข้าไปได้มากน้อยแค่ไหน นั่นเป็นเรื่องของแท็กติก
ก่อนหน้านี้ 3-5-1-1 ของ คอนเต้ เคยใช้ได้ผล เพราะเกมรับที่แน่นปึ้ก ไม่เปิดช่องให้คู่แข่งได้เจาะเลย กลับกันเกมรุกก็ต้องท็อปฟอร์มจริงๆ เพราะมีกันแค่ อาซาร์ กับ โมราต้า
แต่เกมเมื่อวันเสาร์ เห็นได้ชัดว่า เมื่อ อาซาร์ กับ โมราต้า เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน พวกเขาไม่มีตัวละครลับขี่ม้าขาวโผล่มาช่วยทีมเลย
คอนเต้ เผยหลังเกมว่า "วันนี้ เราแพ้เกม เวสต์แฮม มันเป็นเพราะเราเริ่มต้นเกมได้แย่มาก และเสียประตูนี้ มันยากที่จะกลับมา ผมได้เห็นเกมเดียวกันแบบนี้ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซิตี้ บุกตลอดทั้งเกมใส่ทีมที่ตั้งรับอย่างเดียว แต่ ซิตี้ ก็หาทางเจาะได้ เราสร้างโอกาสหลายครั้ง แต่ยิงไม่ได้"
"ตอนนี้เรากำลังพูดถึงความพ่ายแพ้ วันนี้มีนักเตะหลายคนที่ดูเหนื่อยล้า มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคุณต้องลงเล่นทุกๆ 3-4 วัน เราเริ่มต้นปรีซีซั่นด้วยนักเตะชุดนี้ และใช้ลงสนาเกือบตลอด และแน่นอนคุณต้องรับผลที่ตามมา"
นี่คือคะแนนความสามารถจาก เดลี่ เมล
ติโบต์ กูร์กตัวส์ 6 - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า 5.5, อันเดรียส คริสเตนเซ่น 5, แกรี่ เคฮิลล์ 5.5 - ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า 5.5, เชส ฟาเบรกาส 6, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 6, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ 4.5, มาร์กอส อลอนโซ่ 5 - เอแดน อาซาร์ 6 - อัลบาโร่ โมราต้า 5
สำรอง : เปโดร โรดริเกซ (45 นาที) 6, วิคเตอร์ โมเสส (35 นาที) 6, วิลเลียน (26 นาที) 6
และคะแนนความสามารถจาก ฟุตบอล ดอท ลอนดอน
ติโบต์ กูร์กตัวส์ 5 - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า 5, อันเดรียส คริสเตนเซ่น 5, แกรี่ เคฮิลล์ 5 - ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า 3, เชส ฟาเบรกาส 4, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 5, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ 3, มาร์กอส อลอนโซ่ 4 - เอแดน อาซาร์ 4 - อัลบาโร่ โมราต้า 3
สำรอง : เปโดร โรดริเกซ (45 นาที) 5, วิคเตอร์ โมเสส (35 นาที) 5, วิลเลียน (26 นาที) 4
จากตัวเลขที่ปรากฏ พอจะมองเห็นว่า ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ คือคนที่ได้คะแนนต่ำสุด และยิ่งปรากฏชัดเมื่อถูก คอนเต้ เปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง พร้อมปรับระบบมาเล่น 3-4-3 ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ ให้ตัวรุกลงไปเพิ่ม เปโดร โรดริเกซ
"มันเป็นการตัดสินใจในแง่แท็กติก บากาโยโก้ กำลังเล่นดี แต่เมื่อคุณเจอ 11 คนตั้งรับทั้งหมด และคุณตามหลัง 0-1 มันสำคัญที่ต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง และหาทางแก้ปัญหา เปโดร สามารถสร้างความแตกต่างได้จาก บากาโยโก้ เขาทำได้ดีในจังหวะดวลตัวต่อตัว มันเป็นแค่การตัดสินใจด้านแท็กติก"
หลังจากนี้ เชลซี มีโปรแกรมเบาอีก 3 นัด ในพรีเมียร์ลีก เยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ อังคารนี้ ต่อด้วย 2 เกมในบ้านกับ เซาธ์แฮมป์ตัน วันเสาร์ที่ 16 ธ.ค. และ คาราบาวคัพ กับ บอร์นมัธ วันพุธที่ 20 ธ.ค. เป็น 3 เกมที่ คอนเต้ ควรปรับแท็กติก เพิ่มตัวรุกเข้าไปเป็นตัวช่วยในยาม อาซาร์ เล่นไม่ออก
แต่หาก คอนเต้ ยังดื้อดึงใช้ระบบ 3-5-1-1 ต่อไป ก็ต้องหวังให้ อาซาร์ กับ โมราต้า ท็อปฟอร์มเหมือนกับเกมก่อนหน้านี้
