จบเกมที่ 'โรงละครแห่งความฝัน' ฤดูกาลนี้ทำท่าจะจบลงเช่นกัน เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเก็บอีกสามคะแนนที่นี่
ก่อนหน้าเกมระดับ 5 ดาว 'แมนเชสเตอร์ดาร์บี้' ยังมีความเห็นที่แตกต่างอยู่บ้าง บ้างก็ว่า ฤดูกาลจบแล้ว บ้างก็ว่า ฤดูกาลยังไม่จบ เพราะเพิ่งผ่านไป 15 นัด แต้มห่างกันอยู่ 8 คะแนน
แต่พอหลังจบเกมที่ 16 ระยะห่างถูกยืดออกไปเป็น 11 คะแนน เชื่อว่า หลายๆ ความคิดเห็นน่าจะเริ่มมองไปในทิศทางเดียวกันบ้างแล้ว
ขอยกตัวอย่าง กรณีเรทราคาต่างๆ ของร้านรับพนัน (ถูกกฏหมาย) ที่หลายต่อหลายครั้ง ตัวเลขเหล่านี้ก็เชื่อถือได้มากกว่าข่าวลือต่างๆ
ก่อนเกม แพดดี้ พาวเวอร์ ปลุกกระแสก่อนเลย ด้วยการประกาศจ่ายคนแทง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ผ่านไป 15 นัด อาจมองดูว่าเสี่ยง แต่หากพิจารณาถี่ถ้วนแล้วว่ายังไงมีโอกาสจ่ายสูง ก็สู้ซื้อใจลูกค้าตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า เพราะเมื่อข่าวถูกประโคมออกไป เชื่อว่าฐานลูกค้าจะขยายเพิ่มขึ้นอีก
และดูเหมือนการตัดสินใจของ แพดดี้ พาวเวอร์ เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะหลังจบเกมที่ โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ก็มีอีกหลายเจ้า พากันปิดรับแทงทีมแชมป์ไปเรียบร้อย อาทิ เบท 365, สปอร์ติ้งเบท, เบทแฟร์, เบทเฟรด, บีวิน, เบทเวย์
ส่วนที่ยังเปิดรับแทงอยู่ มีเจ้าดังๆ ที่ต้องยอมเสี่ยงเพื่อชื่อเสียง อาทิ วิลเลียม ฮิลล์, แลดโบร๊คส์, โครอล, ยูนิเบท 4 เจ้านี้ เปิด แมนฯ ซิตี้ แชมป์ที่ แทง 16 จ่าย 1 ส่วน สกายเบท แทง 25 จ่าย 1, เบทวิคเตอร์ แทง 33 จ่าย 1 ขณะที่ แพดดี้ พาวเวอร์ ปิดรับแทง แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียว เพราะเคลียร์ตังค์ไปแล้ว
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการรับพนัน (ถูกกฏหมาย) ที่อยู่คู่ฟุตบอลอังกฤษมาอย่างช้านาน เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เหมือนที่ เรือใบสีฟ้า กำลังทำอยู่ นั่นคือ 16 นัด ชนะ 15 เสมอ 1 ไม่มีแพ้เลย
ลองย้อนกลับไปดูซีซั่นก่อนๆ กันหน่อย ว่าหลังผ่าน 16 นัดแรกพรีเมียร์ลีก สถานการณ์ในตารางคะแนนมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง
ฤดูกาล 2016-17 ที่ เชลซี เป็นแชมป์
- 1.เชลซี ชนะ 13 เสมอ 1 แพ้ 2 มี 40 คะแนน
- 2.ลิเวอร์พูล ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 2 มี 34 คะแนน
- 3.อาร์เซน่อล ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 2 มี 34 คะแนน
- 4.แมนฯ ซิตี้ ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 33 คะแนน
- 5.สเปอร์ส ชนะ 8 เสมอ 6 แพ้ 3 มี 30 คะแนน
ฤดูกาล 2015-16 ที่ เลสเตอร์ เป็นแชมป์
- 1.อาร์เซน่อล ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 33 คะแนน
- 2.แมนฯ ซิตี้ ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 4 มี 32 คะแนน
- 3.เลสเตอร์ ชนะ 9 เสมอ 5 แพ้ 1 มี 32 คะแนน (เหลือเกมตกค้าง)
- 4.แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 8 เสมอ 5 แพ้ 3 มี 29 คะแนน
- 5.สเปอร์ส ชนะ 6 เสมอ 8 แพ้ 2 มี 26 คะแนน
ฤดูกาล 2014-15 ที่ เชลซี เป็นแชมป์
- 1.เชลซี ชนะ 12 เสมอ 3 แพ้ 1 มี 39 คะแนน
- 2.แมนฯ ซิตี้ ชนะ 11 เสมอ 3 แพ้ 2 มี 36 คะแนน
- 3.แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 9 เสมอ 4 แพ้ 3 มี 31 คะแนน
- 4.เวสต์แฮม ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 4 มี 28 คะแนน
- 5.เซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 6 มี 26 คะแนน
ฤดูกาล 2013-14 ที่ แมนฯ ซิตี้ เป็นแชมป์
- 1.อาร์เซน่อล ชนะ 11 เสมอ 2 แพ้ 3 มี 35 คะแนน
- 2.ลิเวอร์พูล ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 33 คะแนน
- 3.เชลซี ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 33 คะแนน
- 4.แมนฯ ซิตี้ ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 4 มี 32 คะแนน
- 5.เอฟเวอร์ตัน ชนะ 8 เสมอ 7 แพ้ 1 มี 31 คะแนน
จะเห็นได้ชัดเจนว่า ใน 4 ฤดูกาลหลัง คะแนนของ 5 อันดับแรก จะอยู่ราวๆ 30 กว่าๆ มีเพียงซีซั่นที่แล้ว ที่ เชลซี ทำแต้มไปแตะ 40 แต่ก็ไม่เท่าซีซั่นนี้ ที่ แมนฯ ซิตี้ กวาดไปแล้ว 46 คะแนน นี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในพรีเมียร์ลีก
และจากเกมเมื่อวันอาทิตย์ แมนฯ ซิตี้ ก็เพิ่งทาบสถิติชนะเกมพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 14 นัด เท่ากับที่ อาร์เซน่อล เคยทำเอาไว้ระหว่างฤดูกาล 2001-02 ไปถึง 2002-03
แต่หากนับแค่ภายในฤดูกาลเดียว แมนฯ ซิตี้ ทำลายสถิติ 13 นัดของ เชลซี ที่เคยทำเอาไว้ฤดูกาล 2016-17 หรือซีซั่นก่อนลงไปเรียบร้อย และมีโอกาสแซงผ่านสถิติ 14 นัดของ ปืนใหญ่ ลงด้วย เพราะโปรแกรมกลางสัปดาห์นี้ มีคิวบุกเยือน สวอนซี ซิตี้ ในวันพุธ
จากนั้นถึงเข้าสู่โปรแกรมหนัก เปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่เชื่อว่าเวลานี้ไม่มีอะไรเรียกว่า 'หนัก' แล้วสำหรับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หลังผ่านเกม 'แมนเชสเตอร์ดาร์บี้'
เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน เคยบอกเอาไว้ (คอลัมน์ก่อน) ว่า หาก เรือใบสีฟ้า คว้าชัยได้อีกในเกม 'แมนเชสเตอร์ดาร์บี้' ก็ต้องยกแชมป์ให้เลย ถึงเวลานี้ มีประโยคเดียวที่จะบอก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
"ขอแสดงความยินดีสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017-18"
