ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประสบปัญหาเรื่องการเสริมทัพตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า ที่ซื้อมาแล้ว 'ล้มเหลว' มากกว่า 'ประสบความสำเร็จ'
ศูนย์หน้าตัวเป้า หรือตำแหน่ง 'No.9' ในที่นี้ไม่ใช่เรื่องสวมเสื้อหมายเลข 9 แต่เป็นเรื่องของบทบาท เพชรฆาตดาวยิงในกรอบเขตโทษ ท็อตแน่ม ไม่ได้ควักกระเป๋าซื้อมานานถึงสามปีแล้ว นี่จึงเป็นตำแหน่งที่แฟนๆ เดอะ ลิลี่ไวท์ส หวังเอาไว้มากก่อนตลาดซัมเมอร์ปี 2020 ปิดทำการ
ท็อตแน่ม อาจดูเหมือนไม่มีปัญหากับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ แฮร์รี่ เคน ผลผลิตจากทีมเยาวชน ตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 ที่แจ้งเกิดเป็นปีแรก แต่ปัญหาอยู่ที่เรื่องการเสริมทัพเพื่อหาคู่แข่งในแดนหน้าให้ เคน หรืออาจจะเข้ามาเป็นคู่ขายามจำเป็น
5 การเซ็นสัญญาครั้งหลังสุด ถือเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทั้งหมด แม้ในช่วงระหว่างนั้น ท็อตแน่ม ประสบความสำเร็จในการซื้อ ซน ฮึง-มิน มาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2015 ในราคา 22 ล้านปอนด์ แต่ตัวรุกทีมชาติเกาหลีใต้ ไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวเป้า หรือ 'No.9'
นี่คือรายชื่อศูนย์หน้าตัวเป้าที่ ท็อตแน่ม ซื้อเข้ามาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เรียกได้ว่าเป็นความล้มเหลวของผู้จัดการทีมแต่ละคน และทีมงานแมวมองมากกว่า
พฤษภาคม 2000 เซอร์เก เรบรอฟ
ในช่วงเวลาที่ ท็อตแน่ม มีแต่ศูนย์หน้าแข็งๆ อย่าง เลส เฟอร์ดินานด์, สเตฟเฟ่น อีเวอร์เซ่น, คริส อาร์มสตรอง ที่ใช้ศีรษะเก่งกว่าเท้า จอร์จ เกรแฮม ผู้จัดการทีมจึงขอเบิกงบจาก อลัน ชูการ์ 11 ล้านปอนด์ซื้อ เซอร์เก เรบรอฟ ศูนย์หน้ายูเครน ที่ซัลโว 139 ประตูจาก 283 เกมกับ ดินาโม เคียฟ
แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้ เรบรอฟ ไม่อาจโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกได้ และปิดฉากในฤดูกาลสุดท้าย 2001-02 มีเพียงประตูเดียวจาก 30 เกมพรีเมียร์ลีก กลายเป็นการสูญเงินมหาศาลที่ในช่วงเวลานั้น ค่าตัว 11 ล้านปอนด์เป็นเรื่องฮือฮามาก
มิถุนายน 2003 เอลแดร์ โปสติก้า
หลังจากเปิดตัวกับทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ 2 ประตูจาก 2 เกมแรก ท็อตแน่ม ก็รีบซื้อศูนย์หน้าวัย 21 ปีมาจาก ปอร์โต้ ในราคา 6.25 ล้านปอนด์ ซึ่งตอนนั้นถือเป็นชัยชนะของ ไก่เดือยทอง ในการแย่งตัวดาวรุ่งที่ยิง 31 ประตูจาก 87 เกมในสองฤดูกาลกับยักษ์ใหญ่โปรตุเกส
แต่ โปสติก้า สอบตกทุกอย่างกับ ท็อตแน่ม ทั้งเรื่องการจบสกอร์ การมีส่วนร่วมกับเกม การปะทะหนักๆ ในเกมฟุตบอลอังกฤษ จึงจบซีซั่นแรกและซีซั่นเดียว มีเพียง 2 ประตูจาก 24 เกม และเป็นประตูเดียวในพรีเมียร์ลีก ก่อนขายกลับไปให้ ปอร์โต้ แต่ก็ไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งได้อีกเลย
กรกฎาคม 2003 บ๊อบบี้ ซาโมร่า
83 ประตูจาก 136 เกมกับ ไบรท์ตัน คือตัวเลขที่น่าทึ่งที่ทำให้ ท็อตแน่ม ต้องเจียดเงินเบาๆ 1.5 ล้านปอนด์ซื้อตัวมาร่วมทัพ แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลยก็ตาม
หลังจากให้โอกาสมาได้หลายเดือน ซาโมร่า ก็จบช่วงเวลากับ ท็อตแน่ม แบบไม่มีประตูเลยในพรีเมียร์ลีก 16 เกม ยิงได้เพียงประตูเดียวในเกมลีกคัพ จนกระทั่งกุมภาพันธ์ ปี 2004 ก็ส่งไปให้ เวสต์แฮม เป็นส่วนหนึ่งในสัญญาซื้อ เจอร์เมน เดโฟ
สิงหาคม 2003 เฟรเดริก กานูเต้
การเสริมทัพตำแหน่งศูนย์หน้าคนที่สามในช่วงซัมเมอร์ปี 2003 คือการดึง กานูเต้ มาจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือการพิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าปรับตัวเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สบายๆ หลังย้ายมาจาก โอลิมปิก ลียง ราวๆ 3-4 ปีก่อนหน้า
ซีซั่นแรก 12 ประตูจาก 31 เกมรวมทุกรายการ ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจ แต่เข้าสู่ซีซั่นสอง จำนวนประตูลดลงเหลือ 9 ลูกจาก 41 เกม จึงเป็นอันปิดฉากที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน และขายไปให้ เซบีย่า ที่ยิงแหลก 136 ประตูจาก 290 เกมตลอด 7 ซีซั่นที่สเปน
กุมภาพันธ์ 2004 เจอร์เมน เดโฟ
7 ล้านปอนด์คือการลงทุนที่คุ้มค่าของ ท็อตแน่ม ในรอบหลายปีกับการควานหาศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ แม้รูปร่างของ เดโฟ จะเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย ไม่เหมาะกับสไตล์ศูนย์หน้าตัวเป้าที่ต้องใช้ลูกกลางอากาศบ้าง
ตลอด 5 ฤดูกาลกับ ท็อตแน่ม (ช่วงแรก) เดโฟ ตะบันไป 64 ประตูจาก 177 เกมรวมทุกรายการ กลายเป็นขวัญใจแฟนๆ ที่ต้องผิดหวังกับการขายไปให้ พอร์ทสมัธ ในเดือนมกราคมปี 2008 แต่การกลับมารอบสองในปีถัดมา เดโฟ ผลิตประตูในเปอร์เซนต์ที่สูงขึ้นกว่าเดิม 79 ประตูจาก 186 เกมรวมทุกรายการ
สิงหาคม 2005 เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค
การย้ายออกของ เฟรเดริก กานูเต้ ในปี 2005 ทำให้เสื้อหมายเลข 9 ว่างลง และคนที่ได้ไปสวมต่อก็คือ เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค ศูนย์หน้าโปแลนด์ที่ย้ายมาจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในช่วงวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์
มาร์ติน โยล ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ ยกย่อง ราเซียค ว่าเป็นศูนย์หน้าร่างใหญ่ ที่ขยัน ทำงานหนัก และมีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม แต่ตลอด 8 เกมในพรีเมียร์ลีก ไม่มีประตูเลย จนต้องขายต่อไปให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ
กรกฏาคม 2006 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เสื้อหมายเลข 9 ถูกเปลี่ยนมือเป็นปีที่สองติดต่อกัน จาก เกอร์เซกอร์ซ ราเซียค มาอยู่ที่หลังศูนย์หน้าทีมชาติบัลแกเรีย ที่ปักชื่อด้านบนว่า เบอร์บาตอฟ
จากสองฤดูกาลสุดท้ายกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เบอร์บาตอฟ กระหน่ำ 50 ประตูจาก 84 เกม จนทำให้ ท็อตแน่ม ต้องควักกระเป๋า 10.9 ล้านปอนด์ซื้อมาร่วมทัพ และสองฤดูกาลที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ตะบันไป 46 ประตูจาก 101 เกม จนยากจะหยุดความพยายามจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยอมจ่ายสูงถึง 30.75 ล้านปอนด์
สิงหาคม 2006 มิโด้
หลังจากที่เซ็นสัญญายืมตัว มิโด้ มาจาก โรม่า ในสัญญาระยะเวลา 18 เดือนช่วงมกราคมปี 2005 ศูนย์หน้าอียิปต์ยิงไป 15 ประตูจาก 40 เกม เป็นผลงานที่น่าพอใจ
ท็อตแน่ม จึงยอมจ่ายราวๆ 6 ล้านปอนด์ซื้อขาดจาก โรม่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2006 แต่ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลว มีเพียงประตูเดียวจาก 12 เกมพรีเมียร์ลีก และจบซีซั่นที่ 5 ประตูจาก 23 เกมรวมทุกรายการ
มิถุนายน 2007 ดาร์เรน เบนท์
ชื่อของ ดาร์เรน เบนท์ แจ้งเกิดกับ อิปสวิช ในแชมเปี้ยนชิพ และยังคงซัลโวต่อเนื่องกับ ชาร์ลตัน ในพรีเมียร์ลีก จน ท็อตแน่ม ต้องจ่ายค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสรในตอนนั้น 16.5 ล้านปอนด์ ซื้อมาร่วมทีมในปี 2007
จบซีซั่นแรก 2007-08 แบบจืดๆ มีเพียง 8 ประตูจาก 36 เกม แม้ฤดูกาลต่อมา ยิง 17 ประตูจาก 43 เกม กลายเป็นดาวซัลโวของสโมสรซีซั่นนั้น แต่ก็ถูกขายให้ ซันเดอร์แลนด์ เพราะการกลับมาของ ร็อบบี้ คีน และไปโพสต์ข้อความต่อว่า แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสรด้วย
สิงหาคม 2008 โรมัน พาฟลิวเชนโก้
การขาย เบอร์บาตอฟ ออกจากทีม ทำให้ ท็อตแน่ม ต้องมองหาศูนย์หน้า 'No.9' คนใหม่ และเลือกจ่าย 14 ล้านปอนด์ซื้อ พาฟลิวเชนโก้ กองหน้าทีมชาติรัสเซีย ที่ซัลโว 89 ประตูจาก 189 เกมกับ สปาร์ตัก มอสโก ตลอด 6 ฤดูกาลก่อนหน้า
ที่สำคัญ พาฟลิวเชนโก้ ยังยิงสองประตูพา รัสเซีย ชนะ อังกฤษ 2-1 มีส่วนทำให้ สิงโตคำราม ตกรอบคัดเลือก ยูโร 2008 แต่การย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง แม้ตลอด 4 ฤดูกาลมี 42 ประตูจาก 113 เกม แต่สุดท้ายก็ขายไปให้ โลโคโมทีฟ มอสโก
กรกฏาคม 2009 ปีเตอร์ เคร้าช์
แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ รีเควสท์ศูนย์หน้าร่างโย่งที่มีส่วนสูงทะลุ 2 เมตร หลังจากเคยร่วมงานกันที่ เซาธ์แฮมป์ตัน หนึ่งในฤดูกาลที่ดีที่สุดของ เคร้าช์ ที่ยิง 16 ประตูจาก 33 เกมรวมทุกรายการ
ผลงานกับ ท็อตแน่ม สองฤดูกาลทำได้ดีเกินคาดทีเดียว มี 24 ประตูจาก 92 เกม และที่ตรงตามแท็กติกของ เร้ดแน็ปป์ คือการเป็นเป้าโหม่งชงให้เพื่อน ทั้งจังหวะเซตพีซ หรือจังหวะตั้งเตะจากผู้รักษาประตู ทำให้ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ที่จ่ายไปให้ พอร์ทสมัธ กลายเป็นซื้อที่คุ้มค่าสุดๆ
มกราคม 2012 หลุยส์ ซาฮา
หลังหมดสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน ซาฮา เลือกเซ็นฟรีกับ ท็อตแน่ม ในวัย 33 แม้ถูกมองว่าผ่านจุดสูงสุดในพรีเมียร์ลีกมาแล้วกับทั้ง ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน
ซาฮา เซ็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือน และจบซีซั่นเดียวที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยการยิง 4 ประตูจาก 12 เกมรวมทุกรายการ ถือเป็นผลงานที่ไม่เลว แต่ก็ไม่ถือเป็นการเสริมทัพที่เข้าตาแฟนบอลนัก
สิงหาคม 2012 เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
แม้ไปชุบตัวอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด แต่การเซ็นสัญญายืมตัวกับ ท็อตแน่ม ในปี 2011 ก็ทำให้แฟนๆ ร้องยี้ในช่วงแรก เพราะศูนย์หน้าโตโกเคยประสบความสำเร็จกับ อาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมนอร์ธลอนดอนมาก่อนระหว่างปี 2006-2009
แต่ อเดบายอร์ ก็เอาชนะใจทุกคนด้วยการยิง 18 ประตูจาก 37 เกมในซีซั่นแรก จน ท็อตแน่ม ต้องจ่าย 5 ล้านปอนด์ซื้อขาดจาก แมนฯ ซิตี้ และลงเล่นในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ต่ออีกสามปี จบที่ 42 ประตูจาก 113 เกมรวมทุกรายการ
สิงหาคม 2013 โรเบร์โต้ โซลดาโด้
หลังจากหมายเลข 9 ว่างอยู่หนึ่งซีซั่น ในที่สุด ท็อตแน่ม ก็ทุ่มเงินมหาศาล 26 ล้านปอนด์ซื้อ โซลดาโด้ มาจาก บาเลนเซีย จากผลงาน 81 ประตูจาก 141 เกมในสามฤดูกาลที่ เมสตาย่า
แต่การเล่นในพรีเมียร์ลีก โซลดาโด้ ใช้เวลาในการปรับตัวนานเกินไป ไม่ว่าจะร่วมงานกับ อันเดร วิลลาช-โบอาช หรือ ทิม เชอร์วูด ขณะที่ผลงานซีซั่นสองกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยิ่งแย่หนัก มีเพียงประตูเดียวจาก 24 เกมพรีเมียร์ลีก และจบที่ 5 ประตูจาก 40 เกมรวมทุกรายการ สุดท้ายก็ต้องส่งกลับลาลีกา
กรกฏาคม 2016 วินเซนต์ ยานส์เซ่น
จากผลงานยิงกระฉูดจนคว้ารางวัลดาวซัลโวเอเรดิวิซี่กับ อาแซด อัลค์มาร์ ในฤดูกาล 2015-16 และก้าวขึ้นเป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีมชาติฮอลแลนด์ ทำให้ ท็อตแน่ม ต้องจ่าย 17 ล้านปอนด์ซื้อมาสวมเบอร์ 9 หมายเลขอาถรรพ์ต่อจาก โซลดาโด้
ปรากฏว่า กองหน้าดัตช์อาการหนักสุด ยิงไปเพียง 2 ประตูจาก 31 เกมพรีเมียร์ลีกในสามฤดูกาล จบที่ 6 ประตูจาก 42 เกม กลายเป็นศูนย์หน้าตกอับที่ เฟเนร์บาห์เช่ ก็ไม่อยากซื้อขาด และปัจจุบันไปเล่นอยู่ในลีกเม็กซิโก
สิงหาคม 2017 เฟร์นานโด ยอเรนเต้
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มองหากองหน้ามาเป็นแบ็กอัพให้กับ แฮร์รี่ เคน มานานถึงสามปี ในที่สุดก็เลือก ยอเรนเต้ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เรื่องกลางอากาศ แต่ลูกบนพื้นไม่เอาไหนเสียเลย
ตลอดสองซีซั่นกับ ท็อตแน่ม มีฤดูกาลละหนึ่งประตูในพรีเมียร์ลีก แต่ในบอลถ้วยถือว่าน่าพอใจ จบสองปีที่ 13 ประตูจาก 66 เกม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง
ถึงตอนนี้เป็นเวลาสามปีแล้วที่ ท็อตแน่ม ยังคงมองหาศูนย์หน้าตัวเป้าคนใหม่ แม้หมายเลข 9 ในซีซั่น 2020-21 จะไม่ว่างแล้ว เพราะถูกเลือกโดย แกเร็ธ เบล ที่ย้ายกลับจาก เรอัล มาดริด ด้วยสัญญายืมตัว