ช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่พรีเมียร์ลีก ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฟอร์มของ โดมินิก คัลเวิร์ท ลูอิน ที่ยิงอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็เป็น ซน ฮึง-มิน ที่มาแรงแซงโค้ง
แต่ยังมีหัวหอกหน้าใหม่ที่ขึ้นสู่ชาร์ตดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในช่วงต้นซีซั่นอีกคน เทียบรัศมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เจมี่ วาร์ดี้, แฮร์รี่ เคน, แดนนี่ อิงส์ นั่นก็คือ แพทริค แบมฟอร์ด
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2020-21 ลีดส์ ยูไนเต็ด ในฐานะแชมเปี้ยนแห่งศึกแชมเปี้ยนชิพซีซั่นก่อน ถูกมองว่ามีปัญหาตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า เพราะเบอร์หนึ่งของกุนซือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า อย่าง แบมฟอร์ด ใช้โอกาสสื้นเปลืองเกินไป
16 ประตูในแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลที่แล้ว อาจดูว่าไม่ขี้เหร่สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับจำนวนเกมที่ลงเล่นไปถึง 45 นัด โอกาสจบสกอร์ที่เพื่อนๆ สร้างสรรค์มาให้ และการตามหลังสองดาวซัลโวร่วม อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ของ ฟูแล่ม กับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ของ เบรนท์ฟอร์ด ถึง 10 ประตู แบมฟอร์ด จึงได้เกรดแค่ปานกลางเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร บิเอลซ่า ก็วางแผนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าจะให้ แบมฟอร์ด เป็นศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งต่อไปในการลุยพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีของสโมสร
เพื่อยืนยันว่า แบมฟอร์ด เป็นหนึ่งในศูนย์หน้าจอมหมูหกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว มีสถิติจาก ออปต้า ที่จดบันทึกสถิติการทำประตูของศูนย์หน้าวัย 27 ปี
ภายใต้การคุมทีมของ บิเอลซ่า นับตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 ที่ย้ายเข้าสู่ เอลแลนด์ โร้ด พร้อมกัน แบมฟอร์ด มีจังหวะยิงประตูไปแล้ว 234 ครั้ง แปรเปลี่ยนเป็น 31 ประตู
และที่น่าสนใจคือ 'บิ๊กแชนซ์' หรือ 'เคลียร์-คัท' หมายถึงจังหวะที่ต้องเป็นประตูแน่ๆ (ตามคาดการณ์) แบมฟอร์ด ยิงพลาดไปมากถึง 51 ครั้ง และยิงเป็นประตูไป 15 ครั้ง
การจดบันทึกสถิตินี้ตั้งแต่ซีซั่น 2018-19 ของ ออปต้า เป็นการรวมทั้ง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า ศูนย์หน้าที่พลาด 'บิ๊กแชนซ์' มากเกิน 40 ครั้ง มีเพียง 3 คน นอกจาก แบมฟอร์ด 51 ครั้งแล้ว ก็มี แทมมี่ อาบราฮัม 43 ครั้ง และ กาเบรียล เชซุส 42 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดี แบมฟอร์ด ถือเป็นศูนย์หน้าที่สร้างจังหวะจบสกอร์ให้กับทีมได้มาก หากไม่สนใจเรื่องผลลัพธ์แล้ว เขาคือกองหน้าตัวเป้าที่บรรดามิดฟิลด์หรือปีกที่สร้างสรรค์โอกาสอยากร่วมงานด้วย
การเริ่มต้นของ แบมฟอร์ด กับ ลีดส์ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ ทำให้ใครหลายๆ คนที่เคยมองในแง่ลบ ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่
การยิง 3 ประตูจาก 3 เกมแรก (แพ้ ลิเวอร์พูล 3-4, ชนะ ฟูแล่ม 4-3, ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0) ทำให้ปัญหาเรื่องศูนย์หน้าตัวเป้าของ ลีดส์ ถูกตัดทิ้ง แม้สองเกมหลังจากนั้นยิงเพิ่มไม่ได้ แต่แฮตทริกแรกของตัวเองในพรีเมียร์ลีกก็มาถึง เกมที่บุกชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0
เป็นแฮตทริกที่ยอดเยี่ยมของ แบมฟอร์ด ที่ใช้เวลาเพียง 20 นาที ยิงสามประตูในนาที 55, 67 และ 74
ถึงตอนนี้ แบมฟอร์ด สลัดครบจอมหมูหกในเวที แชมเปี้ยนชิพ ทิ้งไปหมดแล้ว กับผลงาน 6 เกม 6 ประตูในพรีเมียร์ลีก ที่ไล่หลัง ซน ฮึง-มิน 8 ประตู, โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน 7 ประตู และเทียบเท่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ 6 ประตู
ต่อจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของ แบมฟอร์ด คือรักษาสไตล์การเล่นของตัวเองเอาไว้ และรักษาความคมจังหวะจบสกอร์ เพราะการเล่นในพรีเมียร์ลีก เพื่อนๆ คงไม่อาจสร้างสรรค์จังหวะให้ยิงได้เยอะ เหมือนตอนเล่นอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ สองฤดูกาลที่ผ่านมา
