ในช่วงเวลาที่เพื่อนรุ่นราวเดียวกัน ขยับขึ้นไปเป็นโค้ชกันเกือบหมดแล้ว แต่ชายที่ชื่อ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังคงไม่หมดไฟในเกมลูกหนัง แม้วัยกำลังจะแตะหลัก 40 ก็ตาม
อิบราฮิโมวิช เริ่มต้นกับสโมสร มัลโม ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 จากนั้นก็ย้ายไป อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตอนอายุ 20 ปี ถือเป็นขั้นบันไดที่เหมาะสมจากลีกบ้านเกิด สวีเดน สู่ เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์
พออายุ 23 อิบราฮิโมวิช ย้ายสู่ กัลโช่ เซเรีย อา ร่วมทีม ยูเวนตุส และไป อินเตอร์ ต่อตอนอายุ 25 จากนั้นก็ไป ลาลีกา อยู่กับ บาร์เซโลน่า ตอนอายุ 28 ระหว่างนั้นเองที่ 'อิบรา' ถูกยืมตัวมาเล่นกับ มิลาน ในปีถัดมา และมีการซื้อขาดเกิดขึ้นตอนอายุ 30
ลีกเอิง คือเป้าหมายต่อไป เมื่อ อิบราฮิโมวิช ย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ตอนอายุ 31 อยู่ที่นั่น 4 ปี จนย้ายมาเล่นพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนอายุ 35
หลังหมดสัญญาปีแรก หลายคนคิดว่า 'อิบรา' จะแขวนสตั๊ด แต่ไม่เลย เขายังต่อสัญญาปีที่สอง และย้ายไปเล่นในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา กับ แอลเอ แกแล็กซี่ ในวัย 36 ปีเศษ
เอ็มแอลเอส อาจเป็นลีกสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ด เหมือนอย่างที่ดาวดังหลายคนทำกัน แต่ไม่ใช่กับ อิบราฮิโมวิช เมื่อได้รับการติดต่อจาก เอซี มิลาน ตอนหมดสัญญาสิ้นปี 2019 ทั้งที่อายุอานามตอนนั้น 38 ปีแล้ว
"อะดรีนาลีนของผมหลั่งเต็มที่ ตอนที่ มิลาน โทรมาหาผม หลังจากที่พวกเขาแพ้ที่ แบร์กาโม่ แบบน่าอับอาย" อิบราฮิโมวิช พูดถึงเกมที่ เอซี มิลาน บุกแพ้ อตาลันต้า 0-5 ที่สนาม สตาดิโอ อัตเลติ อัซซูรี่ ดิตาเลีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ปี 2019
"มันไม่ใช่เรื่องของสัญญา แต่มันเป็นเรื่องของอะดรีนาลีน"
"ผมตื่นนอนทุกเช้าเวลา 7 หรือ 8 โมง ผมจะรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย แต่ผมก็เข้ายิม และทำในสิ่งที่ผมต้องการให้ร่างกายฟิตสมบูรณ์ คุณต้องมีแรงกระตุ้นและตั้งเป้าหมายของตัวเองเอาไว้"
"ผมถาม มิโน่ ไรโอล่า (เอเยนต์) ว่า ใครต้องการตัวผมมากที่สุด? เขาตอบกลับมาว่า มิลาน คุณคือคนเดียวที่จะทำให้ มิลาน กลับมาเป็นอย่างที่พวกเขาเคยเป็นเมื่อหลายปีก่อน"
"ผู้คนไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเขากระตุ้นผม เมื่อมีคนพูดว่าผมอายุ 39 ปีแล้ว ผมตื่นมาในทุกเช้าเพื่อพิสูจน์ว่าผมสามารถทำได้"
หลังจากเซ็นสัญญาระยะสั้นในช่วงครึ่งซีซั่นแรก อิบราฮิโมวิช แสดงให้เห็นแล้วว่าร่างกายและความฟิตของเขายังสามารถเล่นฟุตบอลในลีกระดับสูงได้สบายๆ หลังซัลโวไป 11 ประตูจาก 20 เกมรวมทุกรายการ
"ผมบอกกับผู้บริหารสโมสร อย่ามาปวดหัวเรื่องที่ใครจะลงสนาม เพราะไม่อย่างนั้นเราจะทำงานกันแบบสงบไม่ได้"
ในช่วงท้ายฤดูกาล 2019-20 นอกจากเผชิญวิกฤติโควิด-19 แล้ว มิลาน ยังมีผลงานไม่ดี จนมีข่าวว่า สโมสรจะปลด สเตฟาโน่ ปิโอลี่ และตกลงกับ ราล์ฟ รังนิค ได้แล้ว จะเข้ามาควบบทบาทเฮดโค้ช และผู้อำนวยการเทคนิคด้วย ทำให้เวลานั้น อิบราฮิโมวิช ยังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป
"ช่วงหกเดือนแรกเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก ผมไม่รู้ว่าโค้ชจะยังได้อยู่ต่อไปหรือเปล่า และผมก็ไม่รู้อนาคตของผมเองด้วย"
"สโมสรอยากเปลี่ยนแปลงแนวทาง พวกเขาวิจารณ์ทีมก่อนให้โอกาสเราอีกครั้ง และตอนนี้เราก็แข็งแกร่งขึ้นมาก"
เข้าสู่ซีซั่นใหม่ 2020-21 อิบราฮิโมวิช ยิงแหลก 10 ประตูจาก 6 เกมเซเรียอา และเป็น 11 ประตูจาก 10 เกมรวมทุกรายการ พา มิลาน ขึ้นนำจ่าฝูง และวาดฝันถึงแชมป์ สคูเด็ตโต้ ครั้งแรกในรอบหนึ่งทศวรรษ ซึ่งย้อนกลับไปหนสุดท้ายที่ ปีศาจแดงดำ ครองแชมป์ ก็มี 'อิบรา' เป็นกำลังหลักของทีม
ถึงตอนนี้ ในช่วงที่สภาพร่างกายและความฟิตสมบูรณ์สุดๆ ทำให้ อิบราฮิโมวิช คิดถึงการกลับไปเล่นทีมชาติสวีเดนอีกครั้ง หลังจากอำลามาตั้งแต่จบศึกยูโร 2016
"ถ้าคุณถามผมว่าผมคิดถึงไหม? ผมตอบได้เลยว่า ใช่"
"ผมอยากลงเล่นที่สนาม เฟรนด์ส อารีน่า มองเห็นกำแพงสีเหลือง (แฟนบอล) ผมอยากเดินออกจากสนามในชุดสีเหลือง"
"ถ้าคุณไม่คิดถึงความรู้สึกแบบนี้แล้ว หมายความว่าอาชีพนักฟุตบอลของคุณจบสิ้นลงแล้ว แต่ในหัวของผมมันยังไม่สิ้นสุด"
