นี่คือเวลาสำคัญอีกหนึ่งช่วงชีวิตของ เวย์น รูนี่ย์ ที่กำลังจะเริ่มต้นคุมทีมเต็มตัว ในฐานะเฮดโค้ชรักษาการณ์หรือชั่วคราวของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในแชมเปี้ยนชิพ
เด็กปั้นจากสโมสร เอฟเวอร์ตัน สู่การเป็นตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ทำท่าว่าจะไปจบอาชีพนักฟุตบอลในศึกเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกากับสโมสร ดีซี ยูไนเต็ด เฉกเช่น อดีตนักฟุตบอลชื่อดังหลายคนที่ไปปิดฉากที่นั่น
แต่เมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในเวทีแชมเปี้ยนชิพ เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ที่เสนอบทบาทนักเตะ-โค้ชให้ รูนี่ย์ พิจารณา เจ้าตัวจึงไม่รีรอที่จะตอบรับสัญญาล่วงหน้า และย้ายกลับอังกฤษในช่วงต้นเดือนมกราคม หรือกลางฤดูกาลที่แล้ว
รูนี่ย์ จบฤดูกาลแรกในถิ่น ไพรด์ พาร์ค สเตเดี้ยม ด้วยการยิง 6 ประตูจาก 24 เกมรวมทุกรายการ นี่แค่เฉพาะครึ่งฤดูกาลหลัง ผลงานถือว่าน่าพอใจกับการเข้ามากระตุ้นและสร้างอิทธิพลภายในทีม แม้จำนวนประตูไม่มากไม่มาย แต่เป็นเพราะบทบาทที่เปลี่ยนไปจากกองหน้ามาเป็นกองกลางที่เล่นทั้งตัวสูงและตัวต่ำ
ฟิลิป โคคู มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ รูนี่ย์ แบบไม่ต้องคิดนาน อย่างไรก็ตาม จากผลงานย่ำแย่ที่ 11 เกมแรก ชนะแค่เกมเดียว เสมอ 3 และแพ้ถึง 7 ทำให้กุนซือชาวดัตช์มีอันต้องตกเก้าอี้
แม้ รูนี่ย์ ยังไม่จบหลักสูตรโค้ชอย่างเต็มรูปแบบ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังดำเนินการเพื่อรับใบอนุญาติโค้ชระดับ เอ ไลเซนส์ ทำให้ ดาร์บี้ เลือกคุมทีมชั่วคราวร่วมกับ เลียม โรซีเนียร์, เชย์ กิฟเว่น และ จัสติน วอล์คเกอร์ ในภาระกิจสุดหิน ต้องเล่นเกมเยือน บริสตอล ซิตี้ และ มิดเดิลสโบรช์
ผลลัพธ์ที่ออกมาคือความพ่ายแพ้แบบยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ด้วยสกอร์ 0-1 และ 0-3 ซึ่ง รูนี่ย์ กลายเป็นเป้าโจมตีของแฟนๆ มากกว่าโค้ชอีกสามคน
จากผลงานที่ ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม หนึ่ง รูนี่ย์ เล่นต่ำกว่ามาตรฐานในบทบาทกองกลางตลอดเกม 90 นาที และสอง หลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์นักข่าวหลังจบเกม ทั้งที่เป็น 1 ใน 4 โค้ช แต่เป็นธรรมดาที่จะถูกจับจ้องมากที่สุด และปล่อยให้ เลียม โรซีเนียร์ รับหน้าที่ดังกล่าว
เรื่องดังกล่าวสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แฟนๆ เดอะ แรมส์ อย่างชัดเจน ซึ่งเต็มไปด้วยคอมเมนท์ที่รุนแรงบนโลกโซเชียลมีเดีย แต่การเกิดมาเป็น เวย์น รูนี่ย์ เรื่องแบบนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย
ดาร์บี้ ตัดสินใจอีกครั้งหลังจบเกมที่ ริเวอร์ไซด์ มอบตำแหน่งเฮดโค้ชชั่วคราวให้ รูนี่ย์ ทำหน้าที่คนเดียวไปเลย ภายหลังการเข้ามารับบทบาทผู้อำนวยการเทคนิค และที่ปรึกษาบอร์ดบริหารของ สตีฟ แม็คคลาเรน
แน่นอน เรื่องนี้ย่อมสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่แฟนบอล โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ร้องยี้ให้สโมสรยกเลิกสัญญากับ รูนี่ย์
แต่สิ่งที่สโมสรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นั่นก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อดูจากโปรแกรมการแข่งขันที่ต่อจากนี้จะลงเล่นในรัง ไพรด์ พาร์ค ทั้งสองเกม เจอกับสองทีมน้องใหม่ วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน และเจอ โคเวนทรี ซิตี้ ช่วงกลางสัปดาห์วันอังคารที่ 1 ธันวาคม
ได้เห็นชัดว่า โปรแกรมสองเกมนี้ แตกต่างจากโปรแกรมสองนัดก่อน หลังจากปลด โคคู เป็นอย่างมาก เพราะสองเกมที่ผ่านมา ต้องเยือนทั้ง บริสตอล ซิตี้ และ มิดเดิลสโบรช์ ซึ่งผลการแข่งขันก็อย่างที่บอกไปแล้ว แพ้ 0-1 และแพ้ 0-3
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างดูจะป้อนเข้าทาง รูนี่ย์ ไปซะหมดแบบนี้ สิ่งเดียวที่จะซื้อใจแฟนบอลที่เริ่มหงุดหงิด นั่นก็คือผลการแข่งขัน และแนวทางการเล่นของทีม
6 คะแนนจาก วีคอมบ์ และ โคเวนทรี ขอย้ำ ต้อง 6 คะแนนเท่านั้น และชัยชนะเบียดๆ แบบ 1-0 หรือ 2-1 ก็อาจไม่เพียงพอต่อการซื้อใจแฟนๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น
สิ่งที่ รูนี่ย์ ประกาศเอาไว้ตั้งแต่รับงานเต็มตัวเลยก็คือ จะไม่ใส่ชื่อตัวเองลงสนามทั้งตัวจริงหรือตัวสำรอง เพราะต้องการมีสมาธิกับการคุมทีมเพียงอย่างเดียว
และหากได้รับโอกาสคุมทีมถาวรต่อจากนี้ เจ้าตัวก็พร้อมที่จะประกาศเลิกเล่น หรือแขวนสตั๊ดในทันที
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวกว่าจะได้บทสรุปก็ต้องรอการเทกโอเวอร์สโมสรเสร็จสิ้นเรียบร้อยเสียก่อน เพราะตอนนี้คาดการณ์ว่า ชีค คาเลด บิน ซาเยด อัล เนฮายาน สมาชิกของราชวงศ์อาบูดาบี ใกล้จะรวบกิจการของสโมสรมูลค่า 60 ล้านปอนด์ภายในสัปดาห์หน้า
หลังจากนั้นก็ง่ายๆ สั้นๆ ถ้าไม่ได้คุมทีมถาวร รูนี่ย์ ก็จะเตะฟุตบอลต่อ แต่ถ้าได้ตำแหน่งถาวรก็พร้อมจะยุติเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของตัวเองลงทันที
และถ้าเป็นอย่างหลัง เวย์น รูนี่ย์ ก็จะได้เริ่มต้นบทเรียนแรกเหมือนอย่างที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เคยจบหลักสูตรที่นี่มาแล้วอย่างรวดเร็ว