ตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปิดทำการไปแล้วสองเดือนครึ่ง คุณคิดว่าใครคือการเสริมทัพที่ดีที่สุดของ 20 ทีมพรีเมียร์ลีก?
คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
แต่หากวิเคราะห์จากหลากหลายองค์ประกอบแล้ว ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก จะต้องเป็นหนึ่งในการเสริมทัพที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกในช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ค่าตัวเบื้องต้นเพียง 15 ล้านปอนด์ (บวกเงื่อนไขอีกนิดหน่อย) ตอบแทนการลงทุนให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างรวดเร็ว
และสาเหตุที่กองกลางทีมชาติเดนมาร์กย้ายออกจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ในราคาเป็นกันเองแบบนี้ เป็นเพราะสัญญาในถิ่น เซนต์ แมรี่ส์ ที่เหลือปีสุดท้าย
เดิมที ฮอยเบียร์ก ถูก บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่บุนเดสลีกา ดึงตัวมาจาก บรอนด์บี้ ตอนอายุ 16 เริ่มต้นกับทีมสำรอง แต่ก็เบียดแย่งตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ช่วงเวลาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยากมากๆ
แม้ครั้งหนึ่ง เป๊ป เคยชื่นชม ฮอยเบียร์ก และรู้สึกถึงการค้นพบ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ในทีม บาเยิร์น แล้ว แต่หลังจากนั้นกลับถูกปล่อยยืมไปเล่นกับ เอาก์สบวร์ก และ ชาลเก้ 04 ก่อนเก็บข้าวของย้ายมาลุยพรีเมียร์ลีก
เซาธ์แฮมป์ตัน ลงทุนกับ ฮอยเบียร์ก ในราคา 12.8 ล้านปอนด์ ร่วมงานกับ โคล้ด ปูแอล, เมาริซิโอ เปเยกรีโน่, มาร์ค ฮิวจ์ส แต่ผลงานก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น เพราะถูกจับเล่นเกือบทุกบทบาทในแดนกลาง
จนมาถึงยุคของ ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ที่มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้มิดฟิลด์เดนมาร์ก
อย่างไรก็ตาม จุดสิ้นสุดของ ฮอยเบียร์ก กับ เดอะ เซนต์ส ก็ก่อตัวขึ้นในเดือนมิถุนายน หรือระหว่างที่ฤดูกาล 2019-20 กำลังติดแหงกจากวิกฤติโควิด-19 เมื่อเจ้าตัวประกาศความตั้งใจที่จะอำลาทีมหลังจบซีซั่น ขณะที่สัญญาฉบับเดียวที่เซ็นตอนย้ายมา จะสิ้นสุดในช่วงซัมเมอร์ปี 2021
นั่นหมายความว่า เซาธ์แฮมป์ตัน เลิกคิดได้เลย เรื่องที่นักเตะจะยอมต่อสัญญาฉบับใหม่
และในที่สุด การย้ายมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็เกิดขึ้นตามความต้องการของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่อยากร่วมงานกับ ฮอยเบียร์ก มานานแล้ว
จากบทบาทกองกลางตัวรุกก็แล้ว กองกลางฝั่งขวาก็แล้ว ตอนนี้ ฮอยเบียร์ก รับบทบาทเดียวในทีมของ มูรินโญ่ นั่นคือกองกลางตัวรับที่ปรับตัวเองเข้าสู่ 'Beast mode' หรือโหมดของอสูรกาย
ปะทะหนักๆ ตัดเกมก่อนถึงแนวรับ แย่งบอลจากคู่แข่ง คืองานหลักๆ ของ ฮอยเบียร์ก ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพจากการจดบันทึกสถิติต่างๆ ที่ติดอันดับต้นๆ ของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
ฮอยเบียร์ก ลงเล่นครบทุกเกม และทุกนาทีในพรีเมียร์ลีกในทีม ท็อตแน่ม ของ มูรินโญ่ และน่าจะยึดตำแหน่งไปตลอดซีซั่น หากไม่ประสบปัญหาบาดเจ็บหรือติดโทษแบน
"เรื่องสภาพร่างกายเขาแข็งแกร่งมากๆ เรื่องเทคนิคเขาก็ดีกว่าที่คนอื่นคิดเยอะ" มูรินโญ่ เอ่ยปากถึง ฮอยเบียร์ก พร้อมบรรยายคุณภาพของนักเตะรายนี้ว่าเป็นกัปตันทีมโดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมปลอกแขน
"บางครั้งผู้คนมัวแต่ไปคิดว่านักเตะที่เทคนิคดีคือพวกที่โชว์ลูกส้น แต่นักเตะที่เทคนิคดีคือการเล่นที่สวยงาม นั่นไม่ใช่คำพูดของผมหรอก มันคือคำพูดจากโค้ชเมื่อสัก 30, 40 ปีที่แล้ว"
"ความเรียบง่ายคืออัจฉริยะ คนที่จัดการกับบอลได้ง่ายดายไปหมด เขาคือนักเตะชั้นยอด ยินดีด้วย มิสเตอร์เลวี่ (ประธานสโมสร)" คำพูดของ มูรินโญ่ หลังจากชัยชนะในเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บี้
ฮอยเบียร์ก ผนึกกำลังตัดเกมร่วมกับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ได้เป็นอย่างดี และนั่นทำให้ 4 ตำแหน่งในแนวรุกมีอิสระที่จะสร้างสรรค์โอกาส ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ลงสนาม แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน, สตีเว่น เบิร์กไวน์, ลูคัส มูร่า, แกเร็ธ เบล, ตองกีย์ เอ็นดงเบเล่ หรือ โจวานี่ โล เซลโซ่
จากสถิติที่มีการจดบันทึกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (หลังผ่าน 13 เกมแรก) ในบทบาทของการตัดเกมคู่แข่ง ฮอยเบียร์ก มีตัวเลขการแท็คเกิ้ลอยู่ที่ 35 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 5
มีผลงานการแย่งบอลกลับมาครอบครอง 89 ครั้ง ติดอยู่ในกลุ่ม 6 นักเตะที่มีตัวเลขดีที่สุด
ในมุมของการสร้างสรรค์เกม ฮอยเบียร์ก มีตัวเลขการผ่านบอลมากถึง 870 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับสองรองแค่ โรดรี้ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนเดียว
และในจำนวนนี้เป็นการผ่านบอลในแดนคู่แข่ง 443 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 6
การสัมผัสบอลอยู่ที่ 1,027 ครั้งเป็นอันดับ 3 รองแค่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้าย ลิเวอร์พูล กับ ลุค เอย์ลิง แบ็กขวา ลีดส์
ตัวเลขต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นการอ้างอิงความรู้สึกจากการมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้บทบาทกองกลางตัวรับ มักถูกนิยามให้เป็นตำแหน่งที่ปิดทองหลังพระ ไม่ได้รับเครดิตหรือได้รับเสียงชื่นชมเท่าที่ควร
แต่อย่างน้อยๆ พรีเมียร์ลีก ก็มองเห็น และเสนอชื่อ ฮอยเบียร์ก ให้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนมาแล้ว