:::     :::

จาก2016...ถึง2021

วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,356
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่ต้องสนใจว่าเป็นจ่าฝูงเพียงกี่ชั่วโมง ตราบใดที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำหลังจบวัน และเป็นอันดับหนึ่งของตารางหลังขึ้นปีใหม่ หรือตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป

หลังจบวันอังคารที่ 19 มกราคม เป็นการขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกหนที่สามของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2020-21 แม้เป็นการขึ้นนำเพียงแค่วันเดียวก็ตาม

สองครั้งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่แมตช์เดย์ที่สองในเดือนกันยายน และแมตช์เดย์ที่แปดในเดือนพฤศจิกายน แต่นั่นไม่สมควรถูกพูดถึงเท่ากับการเป็นทีมนำหลังจากเข้าสู่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
นี่คือการนำจ่าฝูงหลังเปลี่ยนศักราชใหม่ของ เลสเตอร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 ซีซั่นที่ เดอะ ฟ็อกซ์ส สร้างปาฏิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
จาก 5 ปีที่แล้ว ภายใต้การคุมทัพของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ มีนักเตะตัวหลักที่หลงเหลือมาจนถึงชุดปัจจุบันของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เพียงสามคนเท่านั้นคือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, เจมี่ วาร์ดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน
หมายความว่า เลสเตอร์ ต้องใช้เวลากว่าครึ่งทศวรรษในการสร้างทีมใหม่เกือบยกชุด ก่อนจะกลับมาสู่จุดสูงสุดของตารางได้อีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ มีช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำในเดือนตุลาคม ที่แพ้คารัง คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม สองเกมติดต่อกันให้กับ เวสต์แฮม 0-3 และ แอสตัน วิลล่า 0-1
และยังมีอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่บุกแพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 ต่อด้วยการแพ้คาบ้านต่อ ฟูแล่ม 1-2
แต่หลังจากชัยชนะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ถึงตอนนี้ 6 เกมติดต่อกันแล้วที่ทีมของ ร็อดเจอร์ส ไม่พบความพ่ายแพ้ โดย 3 เกมหลังสุดยังเป็น 9 คะแนนเต็มด้วย
ประกอบกับซีซั่นนี้เป็นซีซั่นที่ไม่ปกติ หลายทีมยักษ์ใหญ่ต่างโชว์ฟอร์มไม่คงเส้นคงวากันด้วย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ เลสเตอร์ ก้าวขึ้นนำจ่าฝูงหลังจบวันอังคารที่ 19 มกราคม
แน่นอน ร็อดเจอร์ส และลูกทีม คงไม่กล้าคิดถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะสถานการณ์แตกต่างจาก 5 ปีก่อนเป็นอย่างมาก เมื่อดูจากตารางคะแนน และทีมยักษ์ใหญ่ที่อยู่รายรอบ
ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงของ เลสเตอร์ คือการลุ้นจบ 4 อันดับแรก เพื่อตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า เหมือนอย่างซีซั่นก่อนที่เกือบทำได้ แต่ต้องมาอกหักในช่วงท้ายฤดูกาล เพราะถูก เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ทันจนทำแต้มแซง
ซีซั่นนี้ เรื่องบวกที่เห็นได้ชัดเจนจากทีมของ ร็อดเจอร์ส คือการต่อกรกับทีม 'บิ๊กซิกซ์' ได้อย่างสูสี 
6 เกมจากครึ่งซีซั่นแรก มีเพียงความพ่ายแพ้ที่ แอนฟิลด์ 0-3 เพียงเกมเดียวเท่านั้น นอกนั้น บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม 5-2, บุกชนะ อาร์เซน่อล ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-0, บุกชนะ สเปอร์ส ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม 2-0, เปิดบ้านเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 และเปิดบ้านชนะ เชลซี 2-0
เรียกได้ว่าเก็บไปถึง 13 คะแนนจาก 6 เกมที่เจอกับ 'บิ๊กซิกซ์'
หากไม่ทำแต้มหล่นในบ้านไปหลายนัด ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ เวสต์แฮม, แอสตัน วิลล่า, ฟูแล่ม, เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสได้เห็น เลสเตอร์ ก้าวไปไกลมากกว่านี้ เพราะผลงานเกมเยือนดีเกินคาด คว้าชัยชนะไปถึง 7 จาก 9 เกม เป็นอันดับสองของตารางตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก็บแต้มนอกบ้านได้มากกว่าแค่ทีมเดียว
ถึงตอนนี้ เลสเตอร์ เตะครบครึ่งทางของฤดูกาล 19 เกมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มี 38 คะแนนเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แม้ถูกห้อมล้อมไปด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เอฟเวอร์ตัน แต่ในฤดูกาลนี้เชื่อว่าทุกทีมสามารถเปลี่ยนแปลงอันดับขึ้นลงได้ในชั่วพริบตา
และต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ เลสเตอร์ คือการจบ 4 อันดับแรกของตารางเท่านั้น

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด