:::     :::

ครึ่งทาง...ซีซั่นแห่งโควิด

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2564 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,003
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์ลีก 2020-21 ซีซั่นแห่งโควิด-19 เดินทางมาถึงครึ่งทาง นอกจากการนำจ่าฝูงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว ยังมีหลายจุดน่าสนใจ ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ย้อนกลับไปในช่วงสามฤดูกาลที่่ผ่านมา ซีซั่น 2017-18 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำโด่ง เตะ 19 นัด ชนะ 18 เสมอ 1 ไม่มีแพ้ โกยไป 55 คะแนน และคว้าแชมป์อย่างง่ายดาย

ซีซั่น 2018-19 ลิเวอร์พูล เตะ 19 นัด ชนะ 16 เสมอ 3 ไม่มีแพ้ มี 51 คะแนน นำอันดับสอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึง 6 คะแนน และจบซีซั่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงเป็นแชมป์
และซีซั่นที่แล้ว 2019-20 ลิเวอร์พูล ก็ก็อปปี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองปีก่อนหน้า ด้วยการเตะ 19 นัด ชนะ 18 เสมอ 1 ไม่มีแพ้ ครองแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษครั้งแรกในรอบ 30 ปี แบบไร้เทียมทาน
ตลอดสามฤดูกาลที่ผ่านมา เราได้เห็นทีมที่นำโด่งหลังผ่านครึ่งทาง แต่ไม่ใช่กับซีซั่นนี้ 2020-21 ที่แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำจ่าฝูง เตะ 19 นัด ชนะ 12 เสมอ 4 แพ้ 3 มี 40 คะแนน แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่หลังมาสองคะแนน และยังมีเกมตกค้างอยู่ในมือด้วย
ลากยาวลงมาถึงอันดับ 7 มีคะแนนตามหลังผู้นำเพียง 8 คะแนน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะหลายทีมยังมีเกมตกค้าง 1-2 นัด ด้วยเหตุผลที่ต้องเลื่อนการแข่งขันเพราะโควิด-19
นี่คงเป็นฤดูกาลที่การลุ้นแชมป์สูสีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้เกมฟุตบอลและผลการแข่งขันยากจะคาดเดา
อย่างไรก็ตาม หัวตารางสถานการณ์ตรงกันข้ามกับโซนท้ายตาราง เพราะสามอันดับท้าย ฟูแล่ม 12 คะแนน, เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 11 คะแนน, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 5 คะแนน ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ในพื้นที่สีแดง เพราะทีมอันดับ 17 ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน มีอยู่ 17 คะแนน
ถึงตอนนี้มี 12 ทีมที่เตะครบ 19 เกมตามโปรแกรมปกติ มี 6 ทีมที่เตะไปแล้ว 18 เกม และมีอีก 2 ทีมที่เพิ่งเตะไปเพียง 17 เกม ไปดูกันว่า ทีมไหนมีความโดดเด่น เตะตาในเรื่องใดบ้าง และทีมไหนเป็นที่สุดในเรื่องต่างๆ นอกเหนือจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีคะแนนมากที่สุด 40 แต้ม
ชนะมากที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ชนะมากที่สุด 12 เกม แต่ยังมีอีกทีมที่ทำได้เทียบเท่า นั่นก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกทีมด้วย เพราะ เรือใบสีฟ้า ที่ชนะไปแล้ว 11 เกม มีเกมตกค้างเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่ถูกเลื่อนมา
ทีมที่ชนะเกมในบ้านมากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ชนะไป 7 เกมเท่ากัน ส่วนทีมที่ชนะนอกบ้านมากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะไปถึง 8 เกม
แพ้มากที่สุด
ทีมบ๊วย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ครองตำแหน่งแพ้มากที่สุดแน่นอน เตะไปแล้ว 19 เกม แพ้ไปถึง 16 จองศาลาเรียบร้อยแล้ว และยังเป็นทีมที่แพ้มากที่สุดทั้งเหย้าและเยือนด้วย เท่ากันอย่างละ 8 เกม
ยิงประตูมากที่สุด
ลิเวอร์พูล คือทีมที่ยิงได้มากที่สุด 37 ประตู มากกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงประตูเดียวเท่านั้น ตามมาด้วย เลสเตอร์ ที่ปีนี้เกมรุกจัดจ้านเอามากๆ ยิงไปแล้ว 35 ประตู เรียงหน้ากระดอนกันมาสามทีม
ทีมที่ยิงประตูในบ้านมากที่สุด 21 ประตู กอดคอเท่ากันมาทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ส่วนทีมที่ยิงเกมเยือนมากที่สุด แน่นอนว่าเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 24 ประตู
ยิงประตูน้อยที่สุด
คำตอบเดาไม่ยาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพิ่งยิงไปเพียง 10 ประตู แต่ยังมีอีกทีมที่ยิงน้อยสุดเท่ากันคือ เบิร์นลี่ย์ ที่ฤดูกาลนี้ผลงานตกลงไปเยอะ และยังคงเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ยึดมั่นระบบการเล่น 4-4-2 ไม่เปลี่ยนแปลง
ชนะติดต่อกันนานที่สุด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดี 8 นัดแรก ชนะเพียง 3 เสมอ 3 และแพ้ 2 หล่นไปอยู่ถึงอันดับ 13 ของตาราง แต่ตอนนี้ทีมของ เป๊ป ขึ้นมาจ่อตูดจ่าฝูงแล้ว หลังจากคว้าชัยชนะ 6 เกมติดต่อกัน
และอาจเพิ่มอีกเป็นเกมที่ 7, 8 ด้วย เพราะสองเกมถัดไปเยือน เวสต์บรอมวิช และเปิดบ้านรับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สองทีมท้ายตาราง
ไม่แพ้ติดต่อกันนานที่สุด
นับตั้งแต่ผ่าน 6 เกมแรก ที่ชนะ 2 เสมอ 1 และแพ้ไปถึง 3 เกม ผลงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ร่อแร่ และเสี่ยงต่อการถูกไล่ออกเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากเกมที่ 7 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่แพ้เกมลีกอีกเลย จนถึงตอนนี้รวมแล้ว 13 เกมติดต่อกันแล้ว และมีโอกาสบวกเกมที่ 14 ด้วย เพราะเกมถัดไปเล่นในบ้านเจอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
แพ้และไม่ชนะติดต่อกันนานที่สุด
ตรงกันข้ามกับทีมหัวตาราง สถิติแย่ๆ ย่อมเป็นของทีมบ๊วย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่กว่าจะคว้าชัยชนะเกมแรกของซีซั่นได้ ต้องรอถึงเกมที่ 18 ดังนั้นสถิติไม่ชนะยาวนานที่สุดจึงอยู่ที่ 17 เกม และสถิติแพ้ติดต่อกันนานที่สุดก็ทำเอาไว้ที่ 8 เกม ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม ถึง 17 ธันวาคม
ดาวซัลโว
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อยู่ในช่วงฟอร์มฝืด เช่นเดียวกับภาพรวมของทีม แต่ตอนนี้กองหน้าอียิปต์ยังเป็นผู้นำดาวซัลโวอยู่ที่ 13 ประตู
ขณะที่อันดับสอง ซน ฮึง-มิน ยังหยุดตัวเองอยู่ที่ 12 ประตู แต่คู่ขาแดนหน้า แฮร์รี่ เคน ยิงเรื่อยๆ จนมาเท่ากันแล้ว
ส่วนอันดับสาม โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน ก็แน่นิ่งอยู่ที่ 11 ประตูด้วย จึงทำให้ เจมี่ วาร์ดี้ ขึ้นมาทาบ และอีกคนคือตัวแทนจากทีมจ่าฝูง ที่น่าแปลกใจเพราะเป็นกองกลางที่ยิงมากที่สุดจนถึงเวลานี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส
ดาวแอสซิสต์
แฮร์รี่ เคน เคยนำโด่ง 11 แอสซิสต์ แต่ตอนนี้ เควิน เดอ บรอยน์ ไล่หลังมาเหลือประตูเดียวแล้ว ตามด้วย แจ๊ค กรีลิช 8 แอสซิสต์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส 7 แอสซิสต์ และ ซน ฮึง-มิน ก็มีถึง 6 แอสซิสต์
คลีนชีต
ก่อนหน้านี้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ อดีตผู้รักษาประตู อาร์เซน่อล ที่ย้ายไประเบิดฟอร์มกับ แอสตัน วิลล่า คือเป็นผู้นำคลีนชีต แต่พอมาโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะคู่แข่งเกมศูนย์ติดๆ กันหลายเกม ตอนนี้ เอแดร์ซอน จึงเป็นจ่าฝูงคลีนชีต 10 เกม ตามด้วย มาร์ติเนซ 9 เกม
และที่ตามมา คลีนชีต 7 เกมมีเพียบ แบร์นด์ เลโน่, อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่, เอดูอาร์ เมนดี้, นิค โพ๊ป, แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ขณะที่นายประตูของจ่าฝูง ดาบิด เด เคอา เพิ่งมี 6 คลีนชีต เท่ากับอีก 3 คน
ใบเหลืองมากที่สุด
ตอนนี้มีเท่ากัน 3 คนที่โดนจดชื่อไปมากที่สุด 6 ครั้ง นั่นก็คือ เอ็คตอร์ เบเยริน แบ็กขวา อาร์เซน่อล, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ กองกลาง เวสต์บรอมวิช (ยืมจาก เชลซี) และ ไอแซ็ก เฮย์เด้น กองกลาง นิวคาสเซิ่ล
ส่วนใบแดง ตอนนี้มีไปแล้ว 25 ใบ และยังไม่มีใครที่ได้รับมากกว่าหนึ่ง
นี่เป็นเพียงตัวเลขและสถิติต่างๆ ที่นำเสนอเพื่อความน่าสนใจและน่าติดตามเท่านั้น ขณะที่พรีเมียร์ลีกหยุดพักให้โปรแกรมเอฟเอคัพ รอบ 4 และจะกลับมาเตะเกมแรกของครึ่งซีซั่นหลัง หรือเกมที่ 20 กันในช่วงสุดสัปดาห์นี้
คู่เอกอยู่ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ที่มี ลิเวอร์พูล เป็นผู้มาเยือน
ที่น่าสนใจคือ หงส์แดง จะลงเตะเกมวันพฤหัสบดีติดต่อกันอีกหนึ่งสัปดาห์

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด