สตีเว่น เจอร์ราร์ด เส้นทางการคุมทีมฤดูกาลที่สาม แชมป์สกอตติชพรีเมียร์ชิพกับ เรนเจอร์ส และอนาคตตัวแทน เจอร์เก้น คล็อปป์
ปี 2018 เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลแรกของสองโค้ชสายเลือดใหม่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลุยศึกแชมเปี้ยนชิพกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ข้ามมาสกอตติชพรีเมียร์ชิพคุม เรนเจอร์ส
เป้าหมายของ 'สตีวี่จี' ช่วงแรกที่ ไอบร็อกซ์ คือการปลุก เรนเจอร์ส ให้กลับมาเป็นเบอร์สองรอง เซลติก ทีมเดียวให้ได้เสียก่อน เพราะสองฤดูกาลหลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมา เดอะ ไลท์ บลูส์ ยังเป็นรอง อเบอร์ดีน อีกทีมด้วย
ส่วนเรื่องลุ้นแชมป์ ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึง
จริงอยู่ เรนเจอร์ส เป็นคู่ปรับตลอดกาลกับ เซลติก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1995-96 มาจนถึงฤดูกาล 2011-12 มีเพียงปีเดียวที่สองทีมนี้ไม่ได้จบแชมป์-รองแชมป์ ที่เหลือสลับกันชูโทรฟี่มาโดยตลอด จนกระทั่ง...
เรนเจอร์ส ถูกควบคุมกิจการสโมสรเมื่อปี 2012 เพราะปัญหาหนี้สิน จนท้ายสุดแล้วสโมสรถูกยุบ และก่อตั้งภายใต้ชื่อใหม่ เรนเจอร์ส ฟุตบอล คลับ เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ตั้งแต่ดิวิชั่น 3 (หรือเทียบเท่าลีกระดับดิวิชั่น 4)
นักเตะเก่าๆ ที่กลายเป็นอิสระ แทบไม่มีใครเซ็นสัญญากับ เรนเจอร์ส ภายใต้การดูแลของเจ้าของใหม่ แต่ไม่ใช่กับ ลี แม็คคัลลอช อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ที่ไม่ทิ้งสโมสรในช่วงวิกฤติ
เรนเจอร์ส ใช้เวลาสองปี เลื่อนชั้นสองขั้นมาอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ และใช้เวลาอีกสองปี กลับคืนสู่พรีเมียร์ชิพ รวมแล้วเป็นเวลา 4 ฤดูกาลที่ เซลติก ต้องอดทนรอคู่ปรับตลอดกาลเลื่อนชั้นกลับมา
หลังจากปรับตัวอยู่ในลีกสูงสุดด้วยการจบอันดับสามมาสองฤดูกาล เรนเจอร์ส ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญเลือก เจอร์ราร์ด ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมมาก่อน แทนที่ แกรม เมอร์ตี้ ที่กลับไปคุมทีมเยาวชน
เจอร์ราร์ด จบฤดูกาลสุดท้ายกับ แอลเอ แกแล็กซี่ ในช่วงปลายปี 2016 และแขวนสตั๊ดทันที
สำหรับ เรนเจอร์ส เมื่อคิดว่า เจอร์ราร์ด คือคนที่ใช่แล้ว เรื่องประสบการณ์ไม่ใช่ปัญหา เพราะสโมสรก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะกดดันกับการต้องเป็นแชมป์ลีกสกอตต์ เพราะเพิ่งเลื่อนชั้นมาได้แค่สองปี
แม้สองฤดูกาลแรก เรนเจอร์ส ไม่มีโทรฟี่บอลถ้วยทั้งสองรายการ แต่ในลีกทำได้ตามเป้าหมายแล้ว นั่นคือการจบรองแชมป์ทั้งสองปี (ฤดูกาลที่แล้วถูกตัดจบเพราะโควิด-19 แต่แต้มตามห่างถึง 13 คะแนน)
จนกระทั่งซีซั่นนี้ ปีที่แฟนๆ เรนเจอร์ส รอคอยก็มาถึง เจอร์ราร์ด พา เรนเจอร์ส เล่น 26 เกมแรก ชนะ 23 เสมอ 3 ไม่มีแพ้ โกยแต้มกระจุย 72 คะแนน บวกกับ เซลติก ผลงานย่ำแย่ด้วย จึงตามห่างกันมากถึง 23 คะแนน
พูดถึงเต็มปากว่า สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ฤดูกาลนี้จบแล้ว เจอร์ราร์ด จะได้ฉลองความสำเร็จแรกในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเหนือคู่ปรับตลอดกาล เซลติก ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
ซีซั่นนี้จึงเป็นปีแห่งการปลดปล่อยของ เรนเจอร์ส ที่ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ต้องผ่านมรสุมต่างๆ มากมายถาโถมเข้ามาในชีวิต ได้ไปลิ้มรสชาติของสามลีกล่าง และตอนนี้ เดอะ ไลท์ บลูส์ กำลังจะกลับคืนสู่จุดสูงสุดแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่า เจอร์ราร์ด จึงกลายเป็นความคาดหวังและเป็นอนาคตของ ลิเวอร์พูล หากมีการเปลี่ยนแปลงจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ วันใดวันหนึ่ง
เราได้เห็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่มีประสบการณ์กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เพียงปีเดียว ก้าวเข้ามาคุมทีม เชลซี และมีเวลาสร้างทีมเพียงปีครึ่งก็ถูกไล่ออก
แต่ เจอร์ราร์ด คงไม่สนใจเรื่องนั้น หากโอกาสกลับคืนสู่ แอนฟิลด์ มาถึงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
เพราะฟุตบอลยุคปัจจุบันและอนาคต ต่อให้คุณสั่งสมประสบการณ์การคุมทีมมามากมายแค่ไหน หากสถานการณ์ต่างๆ ไม่เป็นใจ ก็สามารถตกงานเอาได้ง่ายๆ