ทุกครั้งที่เห็น แกเร็ธ เซาธ์เกต โผล่มาที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม หรือไปสนามใดก็ตามที่มี เลสเตอร์ เป็นผู้มาเยือน สื่อจะต้องโยงประเด็นหา เจมี่ วาร์ดี้ แทบทุกครั้ง
เช่นเดียวกับเกมที่ เลสเตอร์ ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เซาธ์เกต อยู่ในสนาม คิง พาวเวอร์ เพื่อมาทำงานของตัวเอง นั่นคือการสอดส่องฝีเท้านักเตะที่อยู่ในข่ายตัวเลือก
ฝั่งเจ้าถิ่นมี เจมส์ แมดดิสัน กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ สองตัวรุก และฝั่งทีมเยือนมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่รับบทเซนเตอร์แบ็กจำเป็น กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวา
แต่ชื่อของ เจมี่ วาร์ดี้ ก็ยังถูกโยงกับ สิงโตคำราม อยู่ แม้ดาวยิงวัย 34 อำลาทีมชาติไปแล้ว และเป็นการอำลาไปพร้อมกับความผิดหวังหลังจบศึกเวิลด์คัพ 2018
ก่อนหน้านี้ เซาธ์เกต เป็นคนเติมเชื้อไฟด้วยตัวเอง ด้วยการบอกว่ายังคงพูดคุยกับ วาร์ดี้ อยู่ตลอด และยินดีทุกครั้งที่เห็นกองหน้า เลสเตอร์ ยังมีอิทธิพลสำคัญในแนวรุกของทีม และยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอ
ข่าวการโน้มน้าว วาร์ดี้ กลับคืนทีมชาติของ เซาธ์เกต ที่มี ยูโร 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ล่อใจ จึงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลแล้ว
ในมุมของ เซาธ์เกต ทำไมต้องเป็น วาร์ดี้ ทั้งที่ตอนนี้ในชาร์ตดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก นอกจาก แฮร์รี่ เคน แล้ว ศูนย์หน้าอังกฤษก็มี โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน, แพทริค แบมฟอร์ด, โอลลี่ วัตกิ้นส์, คัลลัม วิลสัน ที่อยู่ในท็อป 10 และยังมี แดนนี่ อิงส์ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าจับตามองด้วย
หากจะมองหาเหตุผล อันดับต้นๆ ก็คงต้องเป็นเรื่องผลงานการถล่มประตูล้วนๆ ตั้งแต่ซีซั่น 2015-16 ที่พา เลสเตอร์ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นต้นมา วาร์ดี้ ซัลโว 24 ประตู, 16 ประตู, 23 ประตู, 18 ประตู, 23 ประตู และฤดูกาลนี้ผ่านไปแล้ว 23 เกม กดไปแล้ว 14 ประตู
แล้วในมุมของ วาร์ดี้ สมควรเปลี่ยนใจกลับไปรับใช้ทีมชาติอีกครั้งมั้ย?
อย่างที่บอกไป วาร์ดี้ เคยมีฤดูกาลที่ดีที่สุดคือซีซั่น 2015-16 ที่ยิง 24 ประตูจาก 36 เกม พา เลสเตอร์ สร้างปาฏิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และด้วยฟอร์มอันน่าทึ่ง ทำให้ รอย ฮ็อดจ์สัน ไม่อาจเมินใส่ชื่อไปลุย ยูโร 2016
แต่ด้วยระบบการเล่นที่ใช้กองหน้าตัวเดียว และด้วยประสบการณ์ที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นปีที่สอง ทำให้ วาร์ดี้ เป็นตัวเลือกรองจาก แฮร์รี่ เคน และได้ลงตัวจริงเพียงเกมเดียว อยู่ในสนามไปทั้งหมด 165 นาที ทำไปหนึ่งประตูในรอบแบ่งกลุ่มที่ยิง เวลส์
และที่หนักกว่านั้นคือ เวิลด์คัพ 2018 ที่มี เซาธ์เกต เป็นคนบัญชาการ วาร์ดี้ กลายเป็นตัวสำรองของ แฮร์รี่ เคน กับ ราฮีม สเตอร์ลิง โดยได้ลงตัวจริงเกมเดียวคือนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ทีมผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว
ที่เหลือเป็นการลงสำรอง โดยเกมรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายที่เจอ โคลอมเบีย กว่าจะได้ลงก็ปาเข้าไปนาที 88 (ก่อนต่อเวลา และ อังกฤษ ชนะจุดโทษ) และอีกเกมรอบรองชนะเลิศที่เจอ โครเอเชีย ได้ลงในนาที 112 หลังจากโดนทีเด็ดของ มาริโอ มานชูคิช ไปสามนาที
จะว่าไปแล้ว เซาธ์เกต นี่แหละคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ วาร์ดี้ ตัดสินใจหันหลังให้ทีมชาติหลังจบทัวร์นาเมนต์ที่ รัสเซีย แต่ตอนนี้กำลังโน้มน้าวกลับไปเล่นให้ ทรี ไลออนส์ อีกครั้ง
ในศึก ยูโร 2020 กลางปีนี้ หากไม่มีอาการบาดเจ็บเล่นงานคนใด เชื่อว่า เซาธ์เกต จะใช้สามแนวรุก แฮร์รี่ เคน ขนาบด้วย ราฮีม สเตอร์ลิง กับ เจดอน ซานโช่ และจะมีกองกลางปั้นเกมรุกอีกคนระหว่าง แจ๊ค กรีลิช หรือ เจมส์ แมดดิสัน
จึงไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยว่า วาร์ดี้ จะไม่เจอเหตุการณ์ซ้ำรอยจากสองทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้านี้ หากตัดสินใจกลืนน้ำลายตัวเอง หันหน้ากลับมาเล่นให้ทีมชาติอีกครั้ง
และด้วยเหตุผลเดิมของ วาร์ดี้ ด้วยอายุที่เพิ่งแตะ 34 มาหมาดๆ เจ้าตัวต้องการรักษาสภาพร่างกายให้สดสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ เลสเตอร์ ที่ตนเองมีสัญญาจนจบฤดูกาล 2022-23 หรืออีกสองฤดูกาลข้างหน้า
จึงไม่มีน้ำหนักมากพอที่ วาร์ดี้ จะกลับไปร่วมงานกับ เซาธ์เกต ใน ยูโร 2020 เพราะต่อให้ยิงกระจายแค่ไหนในพรีเมียร์ลีก ก็ไม่อาจไปถึงตัวเลือกแรกในทัพ สิงโตคำราม อยู่ดี