แม้ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนกว่าจะจบซีซั่น แต่ฟันธงได้เลยว่านี่คือปีที่ดีที่สุดของ ลุค ชอว์ ในชุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นับตั้งแต่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ชอว์ ต้องแบกความกดดันมหาศาลกับค่าตัวที่เชื่อว่าอยู่ที่ตัวเลข 30 ล้านปอนด์ เพราะเพิ่งพิสูจน์ตัวเองกับ เดอะ เซนต์ส ได้เพียงสองฤดูกาล และตอนนั้นเหลืออีก 15 วัน ก็จะอายุครบ 19 ปีบริบูรณ์
การร่วมงานกับ หลุยส์ ฟาน กาล ที่เพิ่งมาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปีแรกเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกุนซือชาวดัตช์ย้ายเข้ามาพร้อมกับดึง ดาเล่ย์ บลินด์ ที่เล่นได้ทั้งเซนเตอร์แบ็ก, แบ็กซ้าย และวิงแบ็กซ้ายมาด้วย
ที่แย่ไปกว่านั้นคืออาการบาดเจ็บ ที่ต้นฤดูกาล 2015-16 เคยขาหักสยดสยองมาแล้วในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ปะทะกับ เอ็คตอร์ โมเรโน่ กองหลังพีเอสวี
แต่จุดตกต่ำที่สุดของ ชอว์ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ร่วมงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ เพราะนอกจากจะได้รับโอกาสลงสนามไม่มากนัก ชอว์ ยังถูกวิจารณ์ออกสื่อด้วย
ชอว์ ถูกตัดชื่อออกจากทีมแบบไม่มีเหตุผลหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อถูกส่งลงสนาม ก็มักจะตามมาด้วยคำตำหนิต่อหน้าสาธารณชน เหมือนอย่างเกมที่เจอ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2017
มูรินโญ่ แสดงความเห็นถึง ชอว์ ว่า "เขาเล่นดีนะ แต่เป็นการเล่นด้วยร่างกายของเขา และใช้สมองของผม เขาอยู่ตรงหน้าผม และผมต้องตัดสินใจทุกๆ เรื่องให้เขา"
แม้เป็นประโยคที่สุภาพ แต่ความหมายเจ็บจี๊ดไปถึงข้างในสำหรับ ชอว์
เมื่อผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ ชอว์ มองกลับไปถึงช่วงเวลานั้น และยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายสุดๆ
"มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ หลายปีก่อนตอนที่ผมไม่ได้ลงเล่น และไม่มีส่วนร่วมอยู่ในทีมด้วยซ้ำ" ชอว์ เล่าถึงอดีต
"ผมเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ มีหลายครั้งที่ผู้คนอาจคิดว่า "บางทีเขาอาจจะย้าย" แต่ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าต้องมีสักวันที่ผมสามารถต่อสู้กลับมาอยู่ในทีมได้ และแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถของผม"
"ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเริ่มที่จะทำแบบนั้นได้แล้ว แต่ยังมีอะไรอีกมากที่ผมต้องทำตามมา ผมยังหนุ่มยังแน่นและยังมีเวลาเหลือเฟือในการพัฒนาตัวเอง"
นอกจากคนในอย่าง มูรินโญ่ แล้ว ชอว์ ยังถูกวิจารณ์จากคนนอกในวงกว้างอีกด้วย
"มันยากเพราะผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มีหลายคนที่นี่ที่ให้การสนับสนุนผม ดังนั้นผมรู้ว่าผมยังได้รับสิ่งนั้น ผมแค่ก้มหน้าก้มตาทำงานหนักของตัวเองต่อไป และสงบปากสงบคำเข้าไว้"
"ผู้คนต่างพูดถึงผมในแง่ลบ แต่ผมมองย้อนกลับไปว่านั่นคือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ และเป็นสิ่งที่พัฒนาผมให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ยังรวมถึงนอกสนามในฐานะคนๆ หนึ่งด้วย"
"คนเรามักมีข้อสงสัยอยู่เสมอ ผมโชคร้ายมากที่ต้องประสบปัญหาบาดเจ็บแบบที่ผมเผชิญมา ผมเชื่อมั่นเสมอว่าผมจะสามารถกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของที่นี่ได้ หวังว่าผมจะรักษาผลงานแบบนี้ต่อไป และพิสูจน์ให้คนที่เคยวิจารณ์ผมได้เห็นว่าพวกเขาคิดผิด"
ตัดกลับมาที่ฤดูกาล 2020-21 ชอว์ ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 34 เกม เป็นการลงตัวจริง 29 เกม และสำรอง 5 เกม แม้การย้ายมาใหม่ของ อเล็กซ์ เตลลีส แบ็กซ้ายบราซิลจาก ปอร์โต้ แต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลย มิหนำซ้ำ ยังกลายเป็นการกระตุ้นชั้นดีด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัว ชอว์ กลับไปติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง หลังจากหลุดทีมไปอย่างยาวนาน และไม่ได้ลงเล่นมาตั้งแต่เกมแพ้ สเปน ในเนชั่นส์ลีก เดือนกันยายนปี 2018
จะว่าไปแล้ว นับตั้งแต่ เซาธ์เกต เข้ามาคุมทีม สิงโตคำราม เมื่อปี 2016 ชอว์ เพิ่งได้ลงสนามในชุด ทรี ไลออนส์ ไปเพียงสองเกมเท่านั้น รวมแล้วเป็น 8 เกม เมื่อบวกกับช่วงเวลาของ รอย ฮ็อดจ์สัน ด้วย
สาเหตุสำคัญคือตัวเลือกตำแหน่งแบ็กซ้ายที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น แดนนี่ โรส, ไรอัน เบอร์ทรานด์, เบน ชิลเวลล์ เป็นต้น แต่นาทีนี้ทุกคนดร็อปลงไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ ชิลเวลล์ ที่ย้ายไป เชลซี แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในทีม จนทำให้โอกาสลงสนามน้อยลง
ถึงตอนนี้คุณสมบัติของ ชอว์ ตรงตามที่ เซาธ์เกต ต้องการทุกประการ ทั้งเรื่องการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ 34 เกมรวมทุกรายการ มีผลงานที่ดีทั้งเกมรับที่พร้อมอัดพร้อมปะทะคู่แข่งสบายๆ และเกมรุกที่ทำไปแล้ว 1 ประตูกับ 6 แอสซิสต์
แค่มีชื่อกลับมาติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้งคงไม่เพียงพอแล้ว แต่ ชอว์ ต้องเป็นตัวหลักตำแหน่งแบ็กซ้ายหรือวิงแบ็กซ้ายของ เซาธ์เกต ด้วย