สุดสัปดาห์นี้ เราอาจได้เห็นทีมที่เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกเป็นทีมแรก นั่นคือ นอริช ซิตี้ หลังจาก ดาเนียล ฟาร์เค่ ทำทีมเลื่อนชั้นสองปีก่อน แล้วก็ตกชั้นปีถัดมา
อันที่จริงแล้ว นอริช เริ่มต้นในฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ 4 เกมแรก ชนะแค่เกมเดียว และแพ้ไปถึงสอง ทำให้อันดับจมปลักอยู่ที่ 17 ด้วยซ้ำ
แต่พอตั้งหลักได้ และก้าวขึ้นสู่จ่าฝูงตั้งแต่เกมที่ 12 นกขมิ้นเหลืองอ่อน ก็ไม่เคยเสียบัลลังก์ให้ใครอีกเลย จะมีก็เพียงถูกไล่จี้มาบ้างแค่นั้น
ทีมู พุกกี้ ดาวยิงฟินแลนด์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการพังประตู ตะบันไปแล้ว 25 ประตูในแชมเปี้ยนชิพล้วนๆ
บวกกับการสร้างสรรค์เกมรุกจากมิดฟิลด์อย่าง เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย ที่กดไป 12 ประตู และ ทอดด์ แคนท์เวลล์ ที่พักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่พักใหญ่ แต่พอกลับมาก็จัดไปแล้ว 6 ประตู
พุกกี้ ยังคงยิงแหลกอย่างสม่ำเสมอ
ตอนจบฤดูกาลที่แล้วที่ นอริช ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เดอะ คาแนรี่ส์ ถูกมองว่าคงทีมแตก เพราะนักเตะตัวจริงเกินครึ่ง ได้รับความสนใจจากหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น แม็กซ์ แอรอนส์, เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย, ทอดด์ แคนท์เวลล์, ทีมู พุกกี้
แต่สุดท้ายก็เสียไปเพียง จามาล ลูอิส กับ เบน ก๊อดฟรีย์ ค่าตัวที่ได้รับรวมกันราวๆ 40 ล้านปอนด์ ถือว่าสุดคุ้ม
นับตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา หลังจาก นอริช บุกแพ้ที่ สวอนซี ทำให้ไม่ชนะสามเกมติดต่อกัน หลังจากนั้น ทีมของ ฟาร์เค่ ชนะรวด 9 เกมติดต่อกัน เก็บเน้นๆ 27 คะแนนเต็ม
และช่วงเวลานี้เองที่ นกขมิ้นเหลืองอ่อน ฉีกหนีคู่แข่งที่ต่างสะดุดกันพอสมควร และรองจ่าฝูงถูกเปลี่ยนมือจาก สวอนซี, เบรนท์ฟอร์ด มาเป็น วัตฟอร์ด ในตอนนี้
โปรแกรม 5 เกมสุดท้ายของ นอริช เจองานหนักกับทีมในกลุ่มหัวตารางถึง 4 เกม แต่ก็เป็นเกมในรัง แคร์โรว์ โร้ด ถึง 3 เกม เริ่มจาก บอร์นมัธ (เหย้า), วัตฟอร์ด (เหย้า), ควีนส์ปาร์ค (เยือน), เร้ดดิ้ง (เหย้า) และ บาร์นสลี่ย์ (เยือน)
ฟาร์เค่ ตอนฉลองเลื่อนชั้นสองปีก่อน
และในช่วงสุดสัปดาห์นี้เองที่ นอริช เตรียมตัวเฉลิมฉลองการเลื่อนชั้น (แบบพอประมาณ) หากคว้าชัยชนะในบ้านเหนือ บอร์นมัธ ซึ่งจะเตะเป็นคู่สุดท้ายของวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้
แต่บางที นอริช ไม่อาจต้องการถึงสามคะแนนก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันของ สวอนซี ทีมอันดับ 3 และ เบรนท์ฟอร์ด ทีมอันดับ 4 ที่จะลงเตะก่อนหน้า
หากผลการแข่งขันของ เบรนท์ฟอร์ด เอาชนะ มิลล์วอลล์ ไม่ได้ เช่นเดียวกับ สวอนซี ก็ไม่สามารถเก็บสามแต้มได้จาก วีคอมบ์ นั่นหมายความว่า นอริช จะได้ฉลองเลื่อนชั้นตั้งแต่ยังไม่ลงเล่นกับ บอร์นมัธ
หาก เบรนท์ฟอร์ด ไม่ชนะ แต่ สวอนซี ชนะ เงื่อนไขแบบนี้ นอริช ขอแค่ผลเสมอ
และถ้า เบรนท์ฟอร์ด กับ สวอนซี ต่างชนะทั้งคู่ เงื่อนไขแบบนี้ นอริช ก็ต้องการสามคะแนนเพื่อเลื่อนชั้นทันที
ดูแล้วมีความเป็นได้สูงมากที่ นอริช จะได้ประกาศการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021-22 เป็นทีมแรกอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันเสาร์นี้
วัตฟอร์ด ใกล้เลื่อนชั้นตาม นอริช
และก็มีแนวโน้มที่จะได้เห็น วัตฟอร์ด เลื่อนชั้นตามเป็นทีมที่สอง เพราะตอนนี้นำอันดับสามห่างถึง 7 คะแนน
ต้องยกความดีความชอบให้เฮดโค้ชชาวสเปน ชีสโก้ มูนญอซ ที่เข้ามาคุมทีมต่อจาก วลาดิเมียร์ อีวิช เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม และปลุกทีมจากอันดับ 5 ขยับขึ้นสู่รองจ่าฝูง
น่าสนใจตรงที่ วัตฟอร์ด หาจุดเปลี่ยนได้นับตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์เหมือนกันกับ นอริช เป๊ะๆ จากผลงาน 13 เกมของ ชีสโก้ ชนะถึง 11 เสมอ 1 และแพ้ 1 เก็บไปถึง 34 คะแนน จากความเป็นไปได้ 39 คะแนน
วัตฟอร์ด จึงมีโอกาสสูงที่จะตาม นอริช เลื่อนชั้น ซึ่งเป็นสองทีมที่กอดคอตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันมาเมื่อปีที่แล้ว ในฐานะสองอันดับสุดท้าย
และคงคลาสสิกไม่น้อย หากอีกทีมที่ชนะเพลย์ออฟเลื่อนชั้นคือ บอร์นมัธ อีกทีมที่ตกชั้นด้วยกันมาเมื่อปีก่อน