สุดสัปดาห์นี้ก้าวเข้าสู่สัปดาห์แห่งศึกฟุตบอลถ้วยที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ทุกสายตาเริ่มจับจ้องกันตั้งแต่รอบ 64 ทีมสุดท้าย
หลังจากเปิดฉากหวดกันมาอย่างมาราธอนตั้งแต่รอบคัดเลือก ต้นเดือนสิงหาคม ในที่สุด เอฟเอ คัพ ก็เดินทางมาถึงรอบ 3 รอบที่มี 20 ทีมพรีเมียร์ลีก และ 24 ทีมแชมเปี้ยนชิพ ได้อภิสิทธิ์ยืนรออยู่เป็นขาประจำทุกปี
ขึ้นชื่อว่าฟุตบอลน็อกเอาท์ เรามักได้เห็นทีมเล็กล้มทีมใหญ่อยู่เป็นประจำทุกปี ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเป็นทีมใหญ่ที่แจ็กพ็อตกลายเป็นยักษ์ล้ม ซึ่งกลายเป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอลถ้วยทุกๆ รายการทั่วโลก
ย้อนกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำกันสักหน่อย ว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา มีทีมต่ำชั้นกว่าทีมไหนที่ได้ชื่อว่าเป็น "แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์" กันบ้าง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 - ลีดส์ (ลีกวัน) 1
รอบ 3 ฤดูกาล 2009-10
แม้จะอยู่ห่างกัน 2 ดิวิชั่น แต่นี่คือศึก 'Wars of the Roses' 'สงครามกุหลาบ' หรือ 'เพนไนน์ส ดาร์บี้' ระหว่างสองทีมคู่แค้น ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยแย่งแชมป์ลีกสูงสุดกันมาในปี 1992
แม้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับทัพบ้างตามสไตล์ แต่แดนหน้าก็ยังมีตัวหลักอย่าง เวย์น รูนี่ย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, แดนนี่ เวลเบ๊ค ลงตัวจริงกันครบ แต่กลับถูกทีเด็ด เจอร์เมน เบ๊คฟอร์ด เล่นงานตั้งแต่ 19 นาทีแรก
นอริช 0 - ลูตัน ทาวน์ (นอกลีก) 1
รอบ 4 ฤดูกาล 2012-13
นกขมิ้นเหลืองอ่อน อาจปรับทีมหลายจุด เพราะต้องเน้นเรื่องอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกเป็นหลัก แต่ขุมกำลังในทีมของ คริส ฮิวจ์ตัน ก็ยังเหนือกว่ามาก โดยเฉพาะ 2 กองหน้า ซิเมียน แจ๊คสัน กับ แฮร์รี่ เคน ดาวรุ่งที่ยืมมาจาก สเปอร์ส
เจ้าบ้านพลาดโอกาสทองครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดเรื่องเศร้าก็เกิด เมื่อถูก สกอตต์ เรนเดลล์ ส่องพา ลูตัน กำชัย 1-0 ในนาที 80 กลายเป็นทีมนอกลีกทีมแรกที่ล้มทีมจากลีกสูงสุดในถ้วยใบนี้นับตั้งแต่ปี 1989
ลิเวอร์พูล 1 - บาร์นสลี่ย์ (แชมเปี้ยนชิพ) 2
รอบ 5 ฤดูกาล 2007-08
กลายเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับการโรเตชั่นทีมจนเกินงามของ ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือน แอนฟิลด์ คือ บาร์นสลี่ย์ ทีมในกลุ่มท้ายตารางของ แชมเปี้ยนชิพ เพราะรอบก่อนหน้าก็เคี้ยวหมู ลูตัน กับ ฮาแวนท์ฯ ที่นี่มาแล้ว
แม้ เดิร์ค เค้าท์ ทำประตูเดียวให้ทีมนำชิลๆ ในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังถูกความประมาทครอบงำ จนโดน สตีเฟ่น ฟอสเตอร์ ตีเสมอให้ผู้มาเยือน และน่าจะต้องไปเล่นรีเพลย์ที่ โอ๊คเวลล์ อยู่แล้ว แต่โดน ไบรอัน ฮาวเวิร์ด ส่องแบบจับยัดในนาทีสุดท้าย
เชลซี 2 - แบร๊ดฟอร์ด (ลีกวัน) 4
รอบ 4 ฤดูกาล 2014-15
ผ่านครึ่งซีซั่นที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังพา เชลซี จดจ่อมีสมาธิอยู่กับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เส้นทางใน เอฟเอ คัพ ก็ยังโรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อจับเล่นในบ้านเจอกับทีมลีกวัน
ลูกทีมของ มูรินโญ่ เตรียมปิดเกมเพื่อลุยรอบต่อไปแล้ว หลังจาก แกรี่ เคฮิลล์ กับ รามิเรส ส่องคนละประตูเมื่อผ่าน 40 นาทีแรก แต่ประตูท้ายครึ่งแรกของ จอน สเตด ทำให้ทีมเยือนมีความหวัง จน 15 นาทีสุดท้าย ก็สร้างปาฏิหารย์ขึ้น จาก 3 ประตูของ ฟิลิเป้ โมราอีส, แอนดี้ ฮัลลิเดย์, มาร์ค ยีทส์
เอฟเวอร์ตัน 0 - โอลด์แฮม (ลีกวัน) 1
รอบ 3 ฤดูกาล 2007-08
เดวิด มอยส์ อาจปรับทีม ทอฟฟี่ หลายจุดจากเกมลีก แต่ดูรวมๆ แล้วก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย แนวรุกแม้พัก ยาคูบู ไอเย็กเบนี่ นั่งสำรอง แต่ก็มี แอนดี้ จอห์นสัน, สตีเว่น พีนาร์, เจมส์ แม็คฟาดเด้น และ เจมส์ วอห์น ลงยิงทีมลีกวัน
อาวุธหนักของทีมเล็กคือบอลยาวกับลูกหนัก ซึ่ง โอลด์แฮม มีให้เต็มร้อยตลอด 90 นาที และลงเล่นอย่างมั่นใจในครึ่งหลัง หลังจาก แกรี่ แม็คโดนัลด์ ส่องไกลผีจับยัดก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่วินาที
อาร์เซน่อล 0 - แบล็คเบิร์น (แชมเปี้ยนชิพ) 1
รอบ 5 ฤดูกาล 2012-13
เดอะ กันเนอร์ส ออกอาการไม่ดีตั้งแต่รอบ 3 และ 4 แล้ว กว่าจะผ่านคู่แข่งมาได้เลือดตาแทบกระเด็น และในที่สุดรอบ 5 ก็ไม่รอด ทั้งที่ได้ลงเล่นในรัง เอมิเรตส์ เจอกับทีมจากแชมเปี้ยนชิพอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
เจค คีน ผู้รักษาประตู กุหลาบไฟ ต้องเซฟอุตลุต บวกกับ แชร์วินโญ่ พลาดโอกาสทอง และ โทมัส โรซิชกี้ ยิงชนคาน ทำให้ทีมเยือนมีหวังลุ้นยาวๆ ถึงนัดรีเพลย์ แต่เล่นไปเล่นมาช่วงท้าย แบล็คเบิร์น บุกขอเอาชนะเลย และทำได้จริงๆ จาก โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส์
เบิร์นลี่ย์ 0 - ลินคอล์น (นอกลีก) 1
รอบ 5 ฤดูกาล 2016-17
นี่คือเกมที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ฤดูกาลที่แล้ว เมื่อทีมจากนอกลีก ระดับคอนเฟอเรนซ์ ฝ่าถึง 5 ด่าน เข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยความหวัง ขอเยือนทีมพรีเมียร์ลีกสักตั้ง ดีกว่าต้องตกรอบนี้ไปแบบโลกไม่จำ
และแฟนบอล ลินคอล์น กว่า 3,200 คน ที่เดินทางมาเชียร์ถึง เทิร์ฟ มัวร์ ก็ได้ฉลองกลับบ้านอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อ ชอน แร็กเก็ตต์ โหม่งนาที 89 ผ่าน ทอม ฮีตัน กลายเป็นทีมนอกลีกทีมแรกในรอบ 103 ปี ที่ผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอล เอฟเอ คัพ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 - วีแกน (แชมเปี้ยนชิพ) 2
รอบ 6 ฤดูกาล 2013-14
โชคชะตาฟ้าลิขิตให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จับมาเจอ วีแกน แอธเลติก อีกครั้ง หลังจากเข้าชิงกันมาเมื่อปีก่อน และเป็น เดอะ ลาติกส์ ที่พลิกล็อกช็อกโลก คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อย่างยิ่งใหญ่ แต่ในพรีเมียร์ลีกต้องตกชั้น
มานูเอล เปเยกรีนี่ จำเป็นต้องปรับทีมหลายจุด เพราะในลีกยังหวังไล่ตามบี้ลุ้นแชมป์กับ ลิเวอร์พูล และใครจะเชื่อว่ากลายเป็นหนังม้วนเดิมอีกแล้ว จอร์ดี้ โกเมซ กับ เจมส์ เพิร์ช ทำประตูให้ วีแกน บุกชนะถึง เอติฮัด 2-1 แม้ ซามีร์ นาสรี่ ยิงตีตื้น แต่ก็ไล่ไม่ทัน
ฤดูกาล 2017-18 เชื่อว่ายังไงแล้วคงต้องมีปรากฏการณ์ "แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์" เกิดขึ้น แต่จะรอบไหน แล้วใครจะเป็นเหยื่อ ต้องรอติดตาม...