4 วัน ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างมากกับทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่ชิงปีนี้
การถูกไล่ออกของ โชเซ่ มูรินโญ่ คือประเด็นใหญ่สุด ตามด้วยโปรเจกท์ยักษ์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีเอี่ยวเป็น 2 ใน 12 ทีมที่เปิดตัวกันในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนเกมที่ เวมบลีย์
และประเด็นยิบย่อยอย่างอาการบาดเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ กับ แฮร์รี่ เคน สองนักเตะตัวหลักของแต่ละฝั่งที่สามารถเป็นตัวแปรสำคัญในเกม
เอาเป็นว่า ตัดประเด็น ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ทิ้งไปซะ เพราะเป็นเรื่องภายนอกสนามของบรรดาผู้บริหารสโมสร ที่ล่าสุด 6 สโมสรพรีเมียร์ลีกต่างถอนตัวออกจาก อีเอสแอล กันหมดแล้ว
ไปดูว่าประเด็นที่น่าสนใจก่อนนัดชิง คาราบาวคัพ มีเรื่องอะไรกันบ้าง
ว่ากันไปทีละฝั่ง เริ่มจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ความฝันเรื่อง 'ควอดรูเพิลแชมป์' หรือการกวาดหมด 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว พังทะลายลงแล้ว จากการแพ้ เชลซี ตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ หนึ่งสัปดาห์ก่อนนัดชิงคาราบาวคัพ
แม้ปากของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยืนยันไม่คิดเรื่อง 4 แชมป์ แต่พอมาถึงช่วงเดือนเมษายน ก่อนเดือนสุดท้ายของฤดูกาลแบบนี้ เป็นใครก็คงอดคิดไม่ได้
การแพ้เกมตัดเชือกต่อ เชลซี ที่ เวมบลีย์ เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกมพรีเมียร์ลีกที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้คารัง เอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 ทั้งที่ครองบอลเหนือกว่า โอกาสจบสกอร์มากกว่าทั้งเกม ที่สำคัญคู่แข่งเหลือ 10 คนตลอดครึ่งหลังด้วย
แต่อุบัติเหตุในเกมฟุตบอลสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และนั่นคงไม่ทำให้ เป๊ป และลูกทีม ต้องหวั่นวิตกแต่อย่างใด เพราะคะแนนที่ตุนไว้ห่างจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่พอสมควร
อันที่จริงแล้ว หลังจบเกมที่แพ้ ลีดส์ 4 วัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็แอบมีเสียว เพราะเสียประตูเร็วตั้งแต่ 15 นาทีแรกให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้ เป๊ป ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตกรอบนานถึง 40 นาที ก่อนจะพลิกสถานการณ์ได้ในครึ่งหลัง และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ
และจากเกมเอฟเอคัพที่แพ้ เชลซี เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม ดันประสบปัญหาบาดเจ็บ โดยภายหลังการตรวจอย่างละเอียดแล้ว พบปัญหาที่เท้าและข้อเท้า แม้ยังต้องประเมินสถานการณ์ก่อนเกมชิง คาราบาวคัพ แต่สื่อดังคาดการณ์ว่า คงต้องพักราวๆ หนึ่งเดือน
ถึงตอนนี้ เป๊ป คงต้องวางแผนใหม่ว่าจะใช้ใครขับเคลื่อนเกมแดนกลางได้แบบมีพละกำลังเหมือน เดอ บรอยน์ ถึงแม้ว่าตำแหน่งการเล่นของ อิลคาย กุนโดอาน มีความใกล้เคียงมากที่สุด แต่มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี เชื้อสายตุรกี เป็นประเภทแอบสอดเข้าไปทำประตู มากกว่าที่จะเป็นตัวปิดทองหลังพระ หรือตัวจ่ายเหมือน เคดีบี
แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นบอลที่เจาะตามช่องได้ดี แต่ก็บอบบางเกินกว่าที่จะแบกรับบทบาทตรงกลางสนาม
ดูแล้ว เป๊ป อาจต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่นจากในช่วงหลังไปเลย แต่แนวโน้มที่จะยังใช้ 'ฟอลส์ไนน์' ต่อไปมีสูง
ฝั่ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถูกมองว่าสถานการณ์เป็นรองอยู่แล้ว และดูยิ่งเป็นรองหนักขึ้น จากการปลด มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชไปเมื่อวันจันทร์ หรือ 6 วันก่อนเกมชิง คาราบาวคัพ โทรฟี่ที่เฝ้าฝันว่าจะได้สัมผัสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008
ปัญหาระหว่าง มูรินโญ่ กับประธานสโมสร แดเนียล เลวี่ ถือเป็นเรื่องภายในที่สะสมมานานแล้ว และเกมล่าสุดที่ กูดิสัน พาร์ค ที่บุกเสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 คงไม่ใช่ตัวตัดสินอนาคตของโค้ชชาวโปรตุกีสแบบร้อยเปอร์เซนต์
หากแต่ทำไม เลวี่ ถึงเลือกก่อนเกมสำคัญนัดชิง คาราบาวคัพ ที่ เวมบลีย์ ในวันอาทิตย์?
และก่อนที่ เลวี่ จะตัดสินใจไล่ออก แผนการสำรองต้องถูกเตรียมการเอาไว้แล้ว นั่นคือการเลือก ไรอัน เมสัน อดีตกองกลางที่รับบทโค้ชทีมเยาวชนอยู่ ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ชั่วคราวจนจบฤดูกาลนี้ ทั้งที่ประสบการณ์น้อยนิด หรือแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ และอายุก็เพิ่ง 29 ปี อ่อนกว่านักเตะตัวเก๋ารุ่นใหญ่หลายต่อหลายคนในทีมชุดนี้
น่าสนใจตรงที่ เลวี่ ไม่สนใจให้ เลดลี่ย์ คิง รับบทบาทเบอร์หนึ่ง ทั้งที่ตำแหน่งก่อนหน้านี้เหนือกว่า เมสัน คือผู้ช่วยโค้ชทีมชุดใหญ่ของ มูรินโญ่
หากมองจากคนวงนอก อาจเป็นเพราะบุคลิกของ คิง ที่เป็นคนพูดน้อย แสดงออกน้อย ไม่มีอิทธิพลในทีมมากพอ อาจไม่เหมาะสมกับการรับบทบาทเบอร์หนึ่ง แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมาก
ย้อนกลับไปที่เกมที่ กูดิสัน พาร์ค สิ่งหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆ ท็อตแน่ม จำนวนมากตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม (อ้างอิงจากความคิดเห็นในเฟซบุ๊คของสโมสร) นั่นคือการเลือกแผนการเล่น และการจัดทีมของ มูรินโญ่
ระบบกองหลังสามคนถูกนำมาใช้อีกครั้ง (หลายต่อหลายเกมใช้แล้วไม่เวิร์ค) เอริค ดายเออร์, โจ โรดอน, โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ สามเซนเตอร์ร่างใหญ่ลงพร้อมกัน โดยมีวิงแบ็ก เซร์คิโอ เรกีลอน กับ แซร์ช โอรีเยร์
หากคิดว่าแค่นี้ก็มาเน้นเกมรับมากพอแล้ว ยัง...ยังไม่หมดแค่นั้น
มุสซ่า ซิสโซโก้ ยังถูกส่งลงมายืนกองกลางตัวตัดเกมร่วมกับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก อีก และกองกลางหนึ่งเดียวที่ต้องฝากความหวังในการปั้นเกมรุกคือ ตองกีย์ เอ็นดงเบเล่ ไม่ใช่ ลูคัส มูร่า ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดี
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง-มิน เล่นยากมากๆ เพราะขาดตัวสนับสนุน แต่ เคน ก็ยังมายิงสองประตูให้ทีมแบ่งแต้มกลับลอนดอน ก่อนจบเกมไม่กี่นาทีพร้อมอาการบาดเจ็บ
ถึงตอนนี้สถานการณ์ของ เคน ยังตอบไม่ได้ว่าจะฟิตทันเกมที่ เวมบลีย์ หรือไม่ เพราะต้องประเมินแบบวันต่อวัน
ทั้งหมดนี้คือปัญหาและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่ชิง คาราบาวคัพ ตลอดหนึ่งสัปดาห์ก่อนเกมที่ เวมบลีย์
แต่ข่าวดีที่ทั้งสองสโมสรเฝ้ารอคอย คือการกลับคืนสนามของแฟนบอล แม้จะเป็นจำนวนแค่ทีมละ 2,000 คน จากทั้งหมด 8,000 คน แต่ก็เชื่อว่าจะดังพอให้กึกก้องไปทั่ว เวมบลีย์
