การเลือกเซ็นสัญญาครั้งใหญ่กับ แจ็ค กรีลิช อาจเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยึดรูปแบบ 'ฟอลส์ไนน์' เป็นหลักในฤดูกาลนี้
เป๊ป ทำการทดลอง หรืออาจจะเรียกได้ว่า 'จำเป็น' ต้องเล่นในรูปแบบ 'ฟอลส์ไนน์' หรือไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าหลายต่อหลายเกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เหตุผลหลักมาจากอาการบาดเจ็บของ เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ กาเบรียล เชซุส
เมื่อผลการแข่งขันและทรงบอลออกมาดี ทำให้ อเกวโร่ กับ เชซุส ต้องนั่งสำรองยาวๆ ตอนที่หายเจ็บกลับมา
และการจากไปของ อเกวโร่ หลังจบซีซั่นก่อน เชซุส จึงมีสถานะเป็นศูนย์หน้าคนเดียวในทีมชุดใหญ่ฤดูกาลนี้
เดิมที มีการเปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อ แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าตัวเป้าแท้ๆ ดีกรีดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 3 สมัย ค่าตัวคาดว่าอยู่ที่ 100 ล้านปอนด์
ซึ่งภายหลัง เป๊ป ยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการเซ็นสัญญากับกัปตันทีมชาติอังกฤษจริง แต่เมื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปฏิเสธข้อเสนอ และไม่ต้องการเจรจาด้วย ทุกอย่างจึงเป็นอัน 'จบ'
จากนั้นข้อเสนอในระดับเดียวกัน 100 ล้านปอนด์ จึงถูกส่งไปหา แอสตัน วิลล่า และมีการเปิดเผยว่าตัวเลขดังกล่าวคือค่าฉีกสัญญาที่อยู่ในสัญญาฉบับปัจจุบันที่ กรีลิช เซ็นเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว เป็นสัญญาระยะยาวอยู่ในถิ่น วิลล่า พาร์ค จนถึงปี 2025
นั่นจึงทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนจากได้ตัว เคน มาเป็นได้ตัว กรีลิช แทน และคาดว่าจะไม่มีการเซ็นสัญญาเข้ามาเพิ่มเติมอีกแล้ว ขณะที่เหลือหนึ่งสัปดาห์จะเปิดซีซั่นใหม่พรีเมียร์ลีก
หากเป็นไปตามคาด หมายความว่า เป๊ป คงมีแผนการในใจเอาไว้รองรับแล้ว
แน่นอนว่าการเล่นในรูปแบบ 'ฟอลส์ไนน์' มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย เป็นเรื่องธรรมดา
ข้อดี การเคาะบอลสั้นที่ไหลลื่นกว่าเดิม การสลับกันเคลื่อนไหวของสามตัวรุก และอาจรวมถึงหนึ่งในแผงกองกลางที่พร้อมสอดทะลุเข้าไปในเขตโทษ ทำให้คู่แข่งจับทางหรือประกบตัวได้ยากมากๆ
แต่ข้อเสียก็มีไม่น้อย ไหนจะเรื่องเกมรับที่ต้องอาศัยปีกลงมาช่วยซ้อนฟูลแบ็ก หรือจะเรื่องเกมรุกที่เวลาครอสบอลจากริมเส้น บ่อยครั้งที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของตัวจบสกอร์
การเล่นในรูปแบบ 'ฟอลส์ไนน์' ตามแบบฉบับของ เป๊ป นั้น ผังการเล่นก่อนเกม อาจไม่มีความหมายใดๆ เลย เพราะในเกมจริงๆ บางครั้งตัวรุกที่เข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ อาจเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส อาจเป็น เควิน เดอ บรอยน์ อาจเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง อาจเป็น ฟิล โฟเด้น อาจเป็น อิลคาย กุนโดอาน เป็นไปได้หมด
นั่นคือสิ่งที่ เป๊ป พยายามทดลองมาโดยตลอด มีประสบผลบ้าง มีล้มเหลวบ้าง คละเคล้ากันไป เหมือนอย่างที่ในฤดูกาลแรก เคยพยายามเล่นระบบกองหลังสามคน แล้วจับ ราฮีม สเตอร์ลิง กับ ลีรอย ซาเน่ ไปยืนวิงแบ็ก บทสรุปคือล้มเหลว
ฤดูกาลที่แล้ว 'ฟอลส์ไนน์' ของ เป๊ป อาจจะทำได้ดีในพรีเมียร์ลีก แต่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ กลับไม่เป็นเหมือนในจินตนาการ
ก่อนเกม เดอ บรอยน์ ถูกเลือกประจำตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง ขณะที่ อเกวโร่ กับ เชซุส นั่งสำรองทั้งคู่ แม้กระทั่งช่วงท้ายเกม ตอนที่สกอร์เป็นฝ่ายตามหลัง และต้องการประตูตีเสมอเป็นอันดับแรก แต่ เป๊ป ก็ยังเลือกให้ โฟเด้น ยืนกองหน้าตัวกลาง และจับ อเกวโร่ กับ เชซุส ประกบข้างสองฝั่ง
การมาของ กรีลิช ในฤดูกาล 2021-22 ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ เป๊ป จะเล่นในระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม
สามกองกลาง โรดรี้ น่าจะเป็นตัวหลักในบทบาท 'กลางรับ' และให้อิสระในการทำเกมกับ เดอ บรอยน์ และ กุนโดอาน ขณะที่สามตัวรุก มีโอกาสที่จะเป็น 'กรีลิช-โฟเด้น-มาห์เรซ' หรือ 'กรีลิช-ตอร์เรส-มาห์เรซ' หรือ 'กรีลิช-สเตอร์ลิง-มาห์เรซ'
แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเป็น 'ฟอลส์ไนน์' เสมอไป บางที เป๊ป อาจใช้ 'กรีลิช-เชซุส,มาห์เรซ' ก็เป็นได้
ที่แน่ๆ การมาของ กรีลิช ทำให้ เป๊ป ต้องจับลูกทีมซ้อมฟรีคิกให้หนักขึ้น เพราะอดีตกัปตัน แอสตัน วิลล่า เป็นนักเตะที่ถูกทำฟาวล์ หรือเป็นนักเตะที่เรียกฟาวล์ได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว
และที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีมือเพชรฆาต เดอ บรอยน์ รับเหมาอยู่ ถ้าเยื้องไปฝั่งขวา มาห์เรซ ก็พร้อมรับผิดชอบ
เป๊ป จึงมีอาวุธในแนวรุกเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง สร้างปัญหาให้บรรดาคู่แข่งในพรีเมียร์ลีก
แต่ถ้าจับทางดีๆ ก็จะมองเห็นจุดอ่อนในแนวรับ เหมือนอย่างที่ โธมัส ทูเคิ่ล ล็อกแขนล็อกขาทีมของ เป๊ป ได้ถึงสามเกมในพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว