ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถูกตั้งคำถามและจับตามองเรื่องศูนย์หน้าตัวเป้าในซีซั่นนี้ หลังจากพลาดหวัง แฮร์รี่ เคน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา
การอำลาทีมของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ผู้เป็นตำนานที่ซัลโวแหลกตลอดหนึ่งทศวรรษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องซื้อกองหน้าคนใหม่เข้ามาเสริมทีมให้ได้ แม้ซีซั่นที่แล้ว เป๊ป ต้องเล่นระบบฟอลส์ไนน์แทบจะตลอด เพราะ อเกวโร่ มีปัญหาเรื่องการอาการบาดเจ็บและไม่ฟิตสมบูรณ์
ดังนั้น การซื้อกองหน้าเข้ามาเพิ่มไม่ได้ เป๊ป จึงถูกมองว่าคงต้องเล่นแบบปราศจากศูนย์หน้าแท้ๆ ไปตลอดทั้งฤดูกาล แต่ลืมไปหรือเปล่าว่า เรือใบสีฟ้า ยังมีศูนย์หน้าที่ชื่อ กาเบรียล เชซุส อยู่ในทีม
ด้วยความหลากหลายของ เชซุส ที่เล่นได้ทุกบทบาทในแดนหน้า หรือจะถ่างออกไปเป็นปีก หรือถอยลงไปยืนกองกลางตัวรุกได้หมด ทำให้ศูนย์หน้าบราซิลถูกมองข้ามในการรับบทกองหน้าตัวเป้าให้ เป๊ป
นับตั้งแต่ย้ายมาจาก พัลเมราส เมื่อเดือนมกราคมปี 2017 เชซุส ได้ลงสนามไม่สม่ำเสมอสักเท่าไหร่ เพราะตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของ อเกวโร่ ขณะที่ซีซั่นก่อนแทนที่จะได้เป็นตัวแทน แต่ เชซุส ก็ดันมาบาดเจ็บไปเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงจาก เป๊ป ได้
ถึงกระนั้น ตัวเลขการทำประตูของ เชซุส ก็ยังน่าพอใจ 52 ประตูจาก 137 เกมในพรีเมียร์ลีก รวม 85 ประตูจาก 202 เกมในทุกรายการ
และที่น่าทึ่งคือ 52 ประตูในพรีเมียร์ลีกของ เชซุส ที่ยิงได้เกมไหน เกมนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีแพ้ จาก 43 เกมที่ชนะ 41 และเสมอ 2
หลังจากลงสำรองเกมเปิดซีซั่นที่บุกแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-1 เชซุส กลับมาลงตัวจริงตลอด 5 เกมที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก ยิงไปแล้ว 2 ประตูกับ 3 แอสซิสต์
และใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มี 1 ประตูจากเกมแรก ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่น่าพอใจ บางทีอาจเป็นเพราะไม่มีความคาดหวัง หรือแบกความกดดันอยู่บนบ่า
แม้มีความเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าอยู่ในตัวมากกว่าคนอื่นๆ แต่ เชซุส ก็เป็นเพียงตัวละครหนึ่งในรูปแบบฟอลส์ไนน์ที่ เป๊ป ชื่นชอบ บางครั้งถูกจับเล่นฝั่งขวา บางเกมถูกจับเล่นฝั่งซ้าย เพื่อให้คู่แข่งจับทางไม่ถูก
เป๊ป รู้ดีว่าสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้างจาก เชซุส หากศูนย์หน้าบราซิลรักษาความฟิตเต็มร้อยตลอดทั้งฤดูกาล
เพราะสิ่งที่แตกต่างจากศูนย์หน้าบราซิลคนอื่นๆ คือ เชซุส มีความขยัน และมีระเบียบวินัยในการเล่นตามแท็กติกของเจ้านาย
เชซุส เคยมีฤดูกาลที่ดีที่สุดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่น 2019-20 ที่ยิงไป 23 ประตูจาก 53 เกมรวมทุกรายการ และเป็นช่วงเวลาที่ดีกับทีมชาติบราซิลเช่นกัน จากการซัลโว 7 ประตูจาก 14 เกมเฉพาะปี 2019
ฤดูกาลนี้ เชซุส เริ่มต้นไปแล้ว 3 ประตูจาก 7 เกมรวมทุกรายการ มีโอกาสไม่น้อยที่จะเดินหน้าเพิ่มจำนวนประตูไปเรื่อยๆ ในซีซั่นที่ไร้คู่แข่งแดนหน้า
ความต้องการของแฟนบอลคือประตู แต่ความต้องการของ เป๊ป บางทีอาจไม่ใช่แค่เรื่องนั้น หาก เชซุส มีประโยชน์กับทีม ไม่ว่าจะถูกจับเล่นบทบาทไหน บางทีแค่การสร้างสรรค์เกมรุก หรือมีส่วนร่วมกับประตู ก็สำคัญมากกว่ายิงได้หรือแอสซิสต์
ฤดูกาล 2021-22 จะเป็นโอกาสสำคัญที่ กาเบรียล เชซุส จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้
แต่หากทำไม่ได้ บางทีการย้ายทีมอาจเกิดขึ้นหลังจบซีซั่นนี้ เพราะสัญญาที่เหลืออยู่ถึงแค่ปี 2023
