เด็กหนุ่มจากยูเครนที่แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบลืมไปแล้วว่าเคยซื้อมาร่วมทัพเมื่อปีเศษๆ ถึงตอนนี้กองกลางวัย 21 ปีกำลังก้าวขึ้นมาเป็นแบ็กซ้ายคนใหม่ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ด้วยความที่ เป๊ป เดิมพันกับ เบนฌาแมง เมนดี้ เอาไว้สูง เพราะก่อนเริ่มต้นฤดูกาล กองหลังฝรั่งเศสที่เพิ่งย้ายมาใหม่ คือแบ็กซ้ายคนเดียวในทีมชุดนี้ ขณะที่มี ดานิโล่ แบ็กขวาตัวใหม่เช่นกัน ก็สามารถเล่นแบ็กซ้ายจำเป็นเป็นทางเลือกสำรองได้
แต่การสูญเสีย เมนดี้ จากอาการเอ็นหัวเข่าฉีก ต้องพักยาวหลายเดือน เป็นจังหวะเดียวกับที่ ฟาเบียน เดลฟ์ กองกลางจอมเดี้ยงหายเจ็บกลับมาพอดี และนั่นเองที่จุดประกาย เป๊ป ให้จับ เดลฟ์ มายืนแบ็กซ้ายจำเป็น และทุกอย่างก็ดูลงตัวไปหมด
แต่อย่าได้ชะล่าใจไป เพราะ เดลฟ์ ก็ขึ้นชื่อเรื่องเจ็บออดๆ แอดๆ เป็นประจำอยู่แล้ว เป๊ป จึงได้หยิบ ดานิโล่ มาใช้งานเป็นบางโอกาส
และด้วยความที่ต้องสลับทีมชุดสองลงเล่นในถ้วย คาราบาว คัพ ทำให้ เป๊ป ลองจับกองกลางเท้าซ้ายที่ชื่อ โอเล็กซานเดอร์ โวโลดีมีโรวิช ซินเชนโก้ หรือเรียกสั้นๆ โอเล็ก ซินเชนโก้ มายืนทางซ้าย เริ่มจากการเป็นวิงแบ็ก ที่มี 3 ปราการหลังคอยซัพพอร์ทอยู่
นั่นคือจุดเริ่มต้นของมิดฟิลด์ตัวรุกยูเครนในทีมตัวจริงของ เป๊ป
ย้อนกลับไปซัมเมอร์ปี 2016 เป๊ป ดึง ซินเชนโก้ มาจาก เอฟซี อูฟา ทีมในลีกรัสเซีย ซึ่งในช่วงเวลานั้น กองกลางวัย 19 กลายเป็นตัวหลักของทีม และถูกจับตามองว่าเป็นเพชรเม็ดใหม่ของวงการฟุตบอลยูเครน
ในช่วงก่อนเริ่มศึกยูโร 2016 ซินเชนโก้ ถูกเรียกตัวติดทีมชาติยูเครนชุดใหญ่ในเกมอุ่นเครื่อง และมิดฟิลด์จากอูฟา ก็ยิงประตูได้ในเกมชนะ โรมาเนีย 4-3 ซึ่งประตูนี้เองที่ทำลายสถิตินักเตะอายุน้อยสุดยิงประตูในทีมชาติของ อังเดร เชฟเชนโก้
และ ซินเชนโก้ ก็ถูกหนีบไปหาประสบการณ์ในทีมชุดยูโร 2016 และมีโอกาสได้ลงสำรอง 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ทีมจะตกรอบ
แต่การมา เอติฮัด สเตเดี้ยม ที่มีซูเปอร์สตาร์ล้นทีม โดยเฉพาะแนวรุก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ ซินเชนโก้ แน่นอน เพียงแค่เดือนเศษๆ เรือใบสีฟ้า ก็ส่งตัวไปให้ พีเอสวี ยืมจนจบฤดูกาล เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่ม
แต่น่าผิดหวังที่เจ้าตัวได้รับโอกาสไม่มากพอ แถมยังถูก พีเอสวี จับไปเล่นในทีมเยาวชน หรือ ยอง พีเอสวี ด้วย
ฤดูกาลนี้ ซินเชนโก้ ต้องรอโอกาสของตัวเองอย่างอดทน เพราะเชื่อว่าโอกาสนั้นจะมาถึงในฟุตบอลถ้วย คาราบาว คัพ รอบ 3 แต่ก็มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมบุกชนะ เวสต์บรอมวิช 2-1
จนกระทั่งเกมรอบ 4 โอกาสลงตัวจริงก็มาถึงจนได้ กับการลงยืนตำแหน่งวิงแบ็ก ในเกมเปิดบ้านเสมอ วูลฟ์แฮมป์ตัน 0-0 ก่อนดวลจุดโทษชนะ
การเริ่มต้นเป็นไปอย่างสวยงาม และเมื่อถึงเกมรอบ 5 เป๊ป ปรับมาเล่นระบบปกติที่ใช้ในพรีเมียร์ลีก นั่นคือ 4-3-3 ซินเชนโก้ จึงถูกถอยมายืนฟูลแบ็กเต็มตัว ที่บทบาทสำคัญอยู่ที่เกมรับมากกว่าเกมรุก
ซินเชนโก้ กลายเป็นแบ็กซ้ายตัวหลักในบอลถ้วย เพราะนอกจากรอบรองฯ ที่พบ บริสตอล ซิตี้ ทั้งสองนัดแล้ว ยังได้ลงตัวจริงต่อใน เอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ถล่ม เบิร์นลี่ย์ 4-1
และจากอาการบาดเจ็บของ เดลฟ์ (อีกจนได้) ทำให้ เป๊ป กล้าส่ง ซินเชนโก้ ลงยืนแบ็กซ้ายตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกที่ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 ทั้งที่มี ดานิโล่ พร้อมใช้งาน
นั่นแสดงให้เห็นว่า เป๊ป ไว้เนื้อเชื่อใจเกมรับของ ซินเชนโก้ อย่างเต็มที่แล้ว และมีโอกาสลงตัวจริงต่อเนื่องด้วย หาก เดลฟ์ ยังต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ
จากกองกลางตัวรุก ถึงเวลานี้ ซินเชนโก้ กำลังสนุกกับบทบาทใหม่ แบ็กซ้าย ซึ่งเจ้าตัวหวังเต็มที่ว่าจะได้โอกาสลงตัวจริงต่อ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ กับ อาร์เซน่อล วันที่ 25 กุมภาพันธ์ หาก เป๊ป ยังไว้ใจนักเตะชุดเดิมที่ทำผลงานกันมาในรอบก่อนหน้านี้