เสียงปรบมือ หรือเสียงโห่จากแฟนบอล เป็นผลมาจากผลงานในสนาม และตอนนี้ทุกคนที่ เอฟเวอร์ตัน กำลังรับรู้ทั้งสองอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เอฟเวอร์ตัน เริ่มต้นฤดูกาล 2021-22 อย่างน่าพอใจ 7 เกมแรก ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า) 3-1, เสมอ ลีดส์ (เยือน) 2-2, ชนะ ไบรท์ตัน (เยือน) 2-0, ชนะ เบิร์นลี่ย์ (เหย้า) 3-1, แพ้ แอสตัน วิลล่า (เยือน) 0-3, ชนะ นอริช (เหย้า) 2-0 และเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน) 1-1
ใบหน้าที่บูดบึ้งจากแฟนบอล เริ่มเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มส่งให้ ราฟาเอล เบนีเตซ และดูเหมือนโค้ชชาวสเปนกำลังจะกลายเป็นการแต่งตั้งที่ดีของผู้มีอำนาจเบื้องบนของสโมสร
แต่หลังจากนั้นอีก 7 เกม สถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แพ้ เวสต์แฮม (เหย้า) 0-1, แพ้ วัตฟอร์ด (เหย้า) 2-5, แพ้ วูลฟ์แฮมป์ตัน (เยือน) 1-2, เสมอ ท็อตแน่ม (เหย้า) 0-0, แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) 0-3, แพ้ เบรนท์ฟอร์ด (เยือน) 0-1
และที่เลวร้ายเกินกว่าจะรับได้คือการแพ้ ลิเวอร์พูล (เหย้า) 1-4
มันไม่ใช่แค่การแพ้เกมที่ 6 จาก 7 เกมหลังสุดของทีม แต่ยังเป็นการแพ้ให้กับคู่ปรับตลอดกาลร่วมเมืองเดียวกัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ที่เละเทะที่สุดในรัง กูดิสัน พาร์ค ในรอบ 39 ปี
เหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นหลังจบเกม แฟนบอลตะโกนขับไล่บรรดาผู้บริหาร โดยเป้าหมายหลักนอกจาก ฟาร์ฮัด โมชิรี่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรแล้ว ก็มี มาร์เซล บรันด์ส ผู้อำนวยการฟุตบอล
ประเด็นหลักยังอยู่ที่เรื่องการเลือก ราฟา และการเสริมทัพที่ดูไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยเมื่อช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เอฟเวอร์ตัน จ่ายเงินไปเพียง 1.7 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวของ ดีมาเร เกรย์ คนเดียว นอกนั้นเป็นการเซ็นฟรี แอนดรอส ทาวน์เซนด์, โฮเซ่ ซาโลมอน รอนดอน และผู้รักษาประตูอีกสองคน อัสเมียร์ เบโกวิช กับ แอนดี้ โลเนอร์แกน
พิจารณาจากตรงนี้ สิ่งที่แฟนบอลไม่พอใจ มีน้ำหนักมากพอที่จะรับฟัง
และน้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อย้อนกลับไปดูตลาดซื้อขายครั้งก่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น มอยส์ คีน 27 ล้านปอนด์, ดาวี่ คลาสเซ่น 27 ล้านปอนด์, อเล็กซ์ อีโวบี้ 35 ล้านปอนด์ และ กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน 45 ล้านปอนด์ ล้วนเป็นเม็ดเงินที่เสียไปแบบไม่คุ้มค่าการลงทุน
ขอยกข้อมูลอ้างอิงจากคอลัมน์ของ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ใน เดลี่ เมล ที่ระบุว่า เอฟเวอร์ตัน มีการลงทุนไปร่วมๆ 500 ล้านปอนด์ ในรอบ 5 ปีกับนักเตะทั้งสิ้น 44 คน เป็นการใช้จ่ายในตัวเลขที่สูงกว่าทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ แต่ผลงานกลับถอยหลังลงคลอง
หากพิจารณาในมุมของ ราฟา ก็น่าเห็นใจตรงที่เข้ามาคุมทีมซีซั่นแรก โดยที่ไม่สามารถสร้างทีมได้ตามที่ตัวเองต้องการ อย่างที่เกริ่นไปกับการเสริมทัพแบบงบประมาณแทบไม่มี
แล้วใครเป็นคนดูแลเรื่องตลาดซื้อขาย นั่นทำให้แฟนบอลพุ่งเป้าไปที่ บรันด์ส
ภายหลังจบเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ มีเสียงตะโกนขับไล่บอร์ดบริหารของสโมสร โมชิรี่ รอดตัวเพราะไม่อยู่ในสนาม มีเพียง บรันด์ส ที่ต้องออกรับหน้า โดยนั่งเคียงข้าง บิลล์ เคนไรท์ ที่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งประธานสโมสร
แฟนบอลไม่พอใจ โมชิรี่ ที่แต่งตั้ง ราฟา, ไม่พอใจ บรันด์ส เรื่องการเสริมทัพ และดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่าง บรันด์ส กับ ราฟา ก็ไม่ค่อยราบรื่นเช่นกัน
หลังจบเกมมีแฟนบอลบางคนวิ่งลงไปในสนาม เผชิญหน้ากับนักเตะทีมตัวเอง ที่มีกัปตันทีม เชมัส โคลแมน, อับดูลาย ดูคูเร่ และ แอนโธนี่ กอร์ดอน อีกฝั่งของสนามก็มีวิ่งลงไปหานักเตะลิเวอร์พูล แต่ถูกตะครุบตัวได้ก่อน
บนอัฒจันทร์ นอกจากเสียงตะโกนขับไล่ดังอื้ออึงแล้ว ยังมีแฟนบอลบางรายปะทะคารมกับ บรันด์ส ระหว่างเดินผ่าน
"คุณไปซื้อพวกนั้นมาใช่ไหม?" แฟนบอลคนหนึ่งเริ่มต้นตั้งคำถาม บรันด์ส พลางชี้นิ้วไปที่นักเตะในสนาม
"แล้วคุณคิดเหรอว่าปัญหามันเกิดจากแค่นักเตะ" บรันด์ส ตอบโต้ เป็นการส่งสัญญาณเปรยไปถึง ราฟา
ถึงตอนนี้ มีสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่า บรันด์ส ก็ไม่พอใจการเลือก ราฟา ของ โมชิรี่ ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
หลังจบเกมที่ กูดิสัน พาร์ค ได้หนึ่งวัน มีการเปิดเผยว่าบอร์ดบริหารของ เอฟเวอร์ตัน ได้เรียกประชุมด่วน ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่อนาคตของ ราฟา
จากนั้น โมชิรี่ ก็เปิดเผยต่อสื่อว่า ราฟา ยังคงได้รับความไว้วางใจต่อไป
เกมต่อไปที่ เอฟเวอร์ตัน จะเปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม จึงมีความสำคัญมากต่อหลายๆ คนในสโมสร โดยเฉพาะ ราฟา ที่จำเป็นจะต้องได้ผลการแข่งขันที่ดีเหนือสิ่งอื่นใด
มิเช่นนั้น หลังจบเกมที่ กูดิสัน พาร์ค อาจเดือดยิ่งกว่าเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
