ในที่สุด ยูเวนตุส กับ ดูซาน วลาโฮวิช ก็ได้สมหวังร่วมกัน ฟิออเรนตินา ต้องก้มหน้ายอมรับสภาพ และแฟนๆ วิโอล่า ถึงกับเดือดดาลกับการย้ายทีมครั้งนี้
ยูเวนตุส ต้องการเซ็นสัญญากับดาวยิงคนใหม่ นับตั้งแต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไปเมื่อซัมเมอร์
วลาโฮวิช เลือก เบียงโคเนรี่ เป็นสโมสรเดียวในดวงใจ ปฏิเสธการย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกชัดเจน
ฟิออเรนตินา ไม่เต็มใจปล่อยนักเตะไปตูริน แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนักกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างความผิดหวัง เจ็บช้ำ และกลายเป็นความโกรธแค้นให้กับแฟนๆ วิโอล่า
เรื่องราวการย้ายทีมของ วลาโฮวิช ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนตั้งแต่เริ่มแรก เพราะ ฟิออเรนตินา เปิดเผยข้อมูลแบบชัดเจนมาโดยตลอด นักเตะไม่ต้องการต่อสัญญาใหม่ จากสัญญาฉบับเดิมที่มีอายุถึงปี 2023
เมื่อเป็นเช่นนั้น ร็อคโค่ คอมมิสโซ่ ประธานสโมสร ฟิออเรนตินา ที่เป็นนักธุรกิจชาวอิตาเลียน-อเมริกัน จึงจำใจต้องใส่ชื่อ วลาโฮวิช เข้าไปอยู่ในตลาดซื้อขาย โดยมีค่าตัวที่ตั้งเอาไว้ในใจต้องไม่ต่ำกว่า 80 ล้านยูโร
ความชัดเจนของ คอมมิสโซ่ ต้องการขาย วลาโฮวิช ออกต่างแดนเลย หรือพูดง่ายๆ ไม่ขายให้ ยูเวนตุส หลังมีข่าว เบียงโคเนรี่ ต้องการศูนย์หน้าทีมชาติเซอร์เบียไปร่วมทัพ
นั่นจึงเป็นที่มา ที่ทำให้ คอมมิสโซ่ ถูกแฟนๆ วิโอล่า ตำหนิอย่างมาก กับการกลืนน้ำลายตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากตัว วลาโฮวิช และเอเยนต์ของศูนย์หน้าวัย 22 ปี ที่นิ่งเฉย เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้เรื่องราวต้องดำเนินมาเป็นแบบนี้
ข้อเสนอจาก อาร์เซน่อล มาก่อน ดีพอที่จะทำให้ คอมมิสโซ่ ตอบรับ แต่ วลาโฮวิช ตอบปฏิเสธ
และหาก คอมมิสโซ่ ปล่อยข้อเสนอที่อาจจะเป็นข้อเสนอสุดท้ายจาก ยูเวนตุส ในเดือนมกราคม หลุดลอยไป ค่าตัวของ วลาโฮวิช จะไปไม่ถึง 80 ล้านยูโรอย่างแน่นอน เมื่อล่วงเลยไปถึงตลาดซัมเมอร์ ซึ่งสัญญาของนักเตะจะเข้าสู่ 12 เดือนสุดท้าย
เรื่องราวทุกอย่าง จึงมีที่มา มีเหตุและมีผลในตัวเองเสมอ
การย้ายทีม 80 ล้านยูโรของ วลาโฮวิช จาก ฟิออเรนตินา ไป ยูเวนตุส จึงเกิดขึ้น เป็นการเซ็นสัญญาอยู่ในถิ่น อัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม ในตูริน ระยะเวลา 4 ปีครึ่ง หรือจนถึงปี 2026
โดย ฟิออเรนตินา จะได้รับเงินก้อนจำนวน 70 ล้านยูโร แบ่งจ่ายภายในระยเวลาสามปี ส่วนอีก 10 ล้านยูโรเป็นโบนัสต่างๆ ที่อยู่ในเงื่อนไขที่ทำข้อตกลงกันไว้ แค่นั้นไม่พอ เอเยนต์นักเตะยังรับเงินกินเปล่าอีก 11 ล้านยูโร สำหรับการวิ่งเต้นจนทำให้การย้ายทีมลุล่วง
วลาโฮวิช จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นหลายเท่า จากที่เคยรับอยู่ราว 800,000 ยูโรต่อปี มาเป็น 7 ล้านยูโรต่อปี และชีวิตใหม่ในตูริน ที่จะได้ลุ้นสคูเด็ตโต้ในฤดูกาลหน้า และสัมผัสเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ใฝ่ฝัน
และเป็นการฉลองวันเกิดอายุครบ 22 ปีในวันศุกร์ที่ 28 มกราคมพอดิบพอดี
ด้วยค่าตัวระดับนี้ ทำให้ วลาโฮวิช กลายเป็นการย้ายทีมที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสามในช่วงตลาดเดือนมกราคม เป็นรองแค่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จาก ลิเวอร์พูล ไป บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2018 ค่าตัว 135 ล้านยูโร และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล ปีเดียวกัน ค่าตัว 84.6 ล้านยูโร
ส่วนอันดับสี่และห้าเป็นของ เอมเมอริก ลาปอร์ก จาก แอธเลติก บิลเบา ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 65 ล้านยูโร และ คริสเตียน พูลิซิช จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป เชลซี 64 ล้านยูโร
นอกจากนี้ วลาโฮวิช ยังกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงเป็นอันดับสอง สำหรับการย้ายทีมระหว่างทีมในเซเรียอาด้วยกัน เป็นรองแค่ กอนซาโล่ อีกวาอิน ตอนย้ายจาก นาโปลี ไป ยูเวนตุส 90 ล้านยูโร
ขณะที่สถิติค่าตัวแพงสุดของสโมสร 80 ล้านยูโรของ วลาโฮวิช อยู่ในอันดับสี่ เป็นรอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 117 ล้านยูโร, กอนซาโล่ อีกวาอิน 90 ล้านยูโร และ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ 85 ล้านยูโร
แน่นอนว่า การย้ายทีมครั้งนี้ สร้างความยินดีให้กับ ยูเวนตุส ความสมหวังให้กับ วลาโฮวิช แต่เป็นความเจ็บปวดสำหรับ ฟิออเรนตินา ที่เคยเสียดาวดังไปให้ ยูเวนตุส ตั้งแต่ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ปี 1990, เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ปี 2017 และ เฟเดริโก้ คิเอซ่า ในอีกสามปีต่อมา
สำหรับ คอมมิสโซ่ และบรรดาผู้บริหารของ ฟิออเรนตินา นี่คือการทำธุรกิจที่ถูกต้องและเหมาะสม และเป็นวิถีทางของฟุตบอลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นวัฏจักรปลาใหญ่กินปลาเล็กที่มีมาช้านานแล้ว
และเชื่อว่าในอนาคต ฟิออเรนตินา ก็จะเสาะหา และค้นพบดาวรุ่งดวงใหม่ขึ้นมาแจ้งเกิด สร้างชื่อ และโด่งดังในเซเรียอา แต่จะเสร็จ ยูเวนตุส อีกหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้