คงจะมีนักฟุตบอลไม่มากนักที่เลือกปฏิเสธทีมใหญ่ เพื่อโอกาสแจ้งเกิดที่เร็วกว่า และโอกาสลงสนามที่มากกว่า
อารอน ฮิคกีย์ ดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลสกอตแลนด์ เลือกขีดเขียนอนาคตของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย และนั่นอาจเป็นเส้นทางที่น้อยคนนักที่เลือกเดิน
ฮิคกีย์ ชาวเมืองกลาสโกว์แท้ๆ เริ่มต้นฝึกฟุตบอลกับสโมสร ฮาร์ท ออฟ มิดโลเธียน ตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่ง 12 ขวบ ก้าวเท้าเข้าสู่ทีมใหญ่ เซลติก แต่อีก 4 ปีต่อมา เขาตัดสินใจกลับ ฮาร์ทส์ เพราะมองว่าที่นั่นจะมอบโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่เร็วกว่า
และความคิดของเขาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ฮาร์ทส์ ที่คุมทัพโดย เคร็ก เลวีน ให้โอกาส ฮิคกีย์ ในช่วงท้ายฤดูกาล 2018-19 ส่งเด็กหนุ่มวัย 16 ปีลงเล่นเกมที่ อเบอร์ดีน และจับลงตัวจริงเกมสุดท้ายของสกอตติช พรีเมียร์ชิพ ที่ เซลติก
และที่เกินคาดที่สุดคือการออกสตาร์ตต่อเนื่องในเกมชิงชนะเลิศ สกอตติช คัพ ที่แพ้ เซลติก ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล
"ผมไม่มีความกังวลเลยที่จะส่งเขาลงเล่นในเกมกับ อเบอร์ดีน เขาได้ลงเล่นเพราะซ้อมดีมากๆ ผมดูเกมของทีมเยาวชนตลอด และเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนที่กลับมาจาก เซลติก"
"ผมคิดหนักอยู่เหมือนกันกับการส่งเขาเล่นเกมที่ เซลติก พาร์ค แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำหน้าที่นี้ได้" เลวีน พูดถึงโอกาสแรกของ ฮิคกีย์ เมื่อเกือบๆ 3 ปีที่แล้ว
หลังจากก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในทีมชุดใหญ่ของ ฮาร์ทส์ แบบเต็มตัวในฤดูกาลถัดมา ก็มีความสนใจเข้ามาจากหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น เซลติก, แอสตัน วิลล่า หรือแม้แต่ทีมใหญ่บุนเดสลีกา บาเยิร์น มิวนิค
แต่ ฮิคกีย์ เลือกปฏิเสธโอกาสทั้งหมด และเซ็นสัญญากับ โบโลญญ่า ที่เชื่อว่าค่าตัวเพียง 1.5 ล้านปอนด์
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ ฮิคกีย์ เมิน บาเยิร์น และเลือกทีมระดับเล็กใน เซเรีย อา
เมื่อชั่งน้ำหนักแค่ บุนเดสลีกา หรือ เซเรีย อา แล้ว บาเยิร์น เสนอโอกาสให้เข้ามาเริ่มต้นในทีมสำรองก่อน ซึ่งเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่นสาม ขณะที่ โบโลญญ่า พร้อมใส่ชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่เลย
อีกทั้งการเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศจริงทั้งที่ บาเยิร์น และ โบโลญญ่า ฮิคกีย์ รู้สึกอบอุ่นและประทับใจทีมจากอิตาลีมากกว่า
ฤดูกาล 2020-21 ถือเป็นปีแห่งการทดลองและปรับตัวให้เข้ากับเกมเซเรีย อา บวกกับอาการบาดเจ็บรบกวนที่ทำให้ได้ลงเล่นไปเพียง 12 เกมเท่านั้น
และคงไม่มีใครคาดคิดว่าซีซั่นถัดมา ฮิคกีย์ จะกลายเป็นดาวเด่นของลีกในตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย
ประตูที่ยิง เจนัว ในช่วงต้นซีซั่นที่สอง ทำให้ ฮิคกีย์ กลายเป็นนักเตะสกอตต์คนที่ 4 ที่ยิงได้ใน เซเรีย อา ต่อจาก แกรม ซูเนสส์, โจ จอร์แดน และ เดนิส ลอว์
จบเดือนมีนาคม ฮิคกีย์ ยิงไปถึง 4 ประตูใน เซเรีย อา แล้ว สตีฟ คล้าร์ก ผู้จัดการทีมชาติสกอตแลนด์ชุดใหญ่ จึงไม่อาจปฏิเสธเรียกตัวติดทีมได้อีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ ฮิคกีย์ มีประวัติกับทีมชุดเล็กที่ไม่ค่อยดีนัก เคยลงเล่นให้ทีมยู-17 ไป 3 เกมในปี 2019 ถัดมาปีเดียว ทีมยู-21 เรียกตัวไปติดทีมในวัย 18 แต่ไม่เคยได้ประเดิมเสียที เพราะถอนตัวจากอาการบาดเจ็บสองหนแรก และหนที่สามอ้างเหตุผลว่าต้องการพัก กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมใน เซเรีย อา เหมือนเป็นการบีบบังคับให้ คล้าร์ก ต้องเรียกสู่ทีมชุดใหญ่ในเดือนมีนาคม เพราะเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สามารถทดลองในเกมอุ่นเครื่องสองนัด ก่อนเจอบททดสอบที่แท้จริงในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบเพลย์ออฟ ที่ถูกเลื่อนออกไปเตะเดือนมิถุนายน
"ถ้าคุณได้เห็นแนวทางการเล่นของเขากับ โบโลญญ่า ในฤดูกาลนี้แล้ว เขาเป็นหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่โดดเด่นในวงการฟุตบอลยุโรปเลยทีเดียว" คล้าร์ก ยอมรับในผลงาน หลังการประกาศรายชื่อ
อุปสรรคสำคัญของ ฮิคกีย์ ในทีมชาติสกอตแลนด์ คือการมีสองรุ่นพี่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กัปตันทีมจาก ลิเวอร์พูล กับ คีแรน เทียร์นี่ย์ ของ อาร์เซน่อล ขวางหน้าอยู่ แถมยังมี เกร็ก เทย์เลอร์ เป็นอีกคนที่มาก่อนด้วย
แต่ เลวีน โค้ชคนแรกพูดถึงความสารพัดประโยชน์ของ ฮิคกีย์ ว่าสามารถเล่นได้ทั้ง แบ็กซ้าย, แบ็กขวา, เซนเตอร์แบ็ก และกองกลาง หรือ เซนทรัล มิดฟิลเดอร์
คล้าร์ก คงต้องคิดหนักขึ้นอีกเยอะ หากต้องการจับ โรเบิร์ตสัน, เทียร์นี่ย์ และ ฮิคกีย์ ลงตัวจริงพร้อมกัน เพราะก่อนหน้านี้ต้องใช้งาน โรเบิร์ตสัน ยืนวิงแบ็กซ้าย และ เทียร์นี่ย์ ยืน 1 ใน 3 ปราการหลัง (ฝั่งซ้าย) มาแล้ว
และสำหรับ โบโลญญ่า บางทีนี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ ฮิคกีย์ ที่นั่น หากมีข้อเสนอที่น่าเหลือเชื่อยื่นเข้ามาในช่วงซัมเมอร์ปีนี้