จบปี 2021 ไปแบบกระท่อนกระแท่น แต่พอเข้าสู่ปี 2022 เขาคือดาวยิงสูงสุดในลีกฟุตบอลของอิตาลี
ผ่านสามเดือนแรกของศักราชใหม่ แทมมี่ อาบราฮัม ยิงไปแล้ว 11 ประตูในทุกรายการ เป็น 9 ประตูในเซเรียอา, 1 ประตูในโคปปา อิตาเลีย และ 1 ประตูในยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก
ชื่อของ แทมมี่ กลายเป็นศูนย์หน้าที่ร้อนแรงที่สุดในบรรดาทีมเซเรียอา ไม่เพียงแค่นั้น เขายังโดดเด่นในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป เป็นรองแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คนเดียว
แทมมี่ พลิกฟื้นชะตาของตัวเองให้แฟนๆ จัลโลรอสซี่ หายข้องใจในฝีเท้า และผลงานเสียที หลังจากเริ่มต้นชีวิตใหม่ในกรุงโรมได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แทมมี่ ตกเป็นเป้าเสียงโห่ของแฟนๆ จัลโลรอสซี่ ขณะเดินออกจากสนามแบบสิ้นสภาพ ทั้งที่โชว์ฟอร์มย่ำแย่ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ
แต่ที่แฟนบอล โรม่า ทนไม่ไหว เพราะ แทมมี่ ไม่สามารถตอบแทนค่าตัวมหาศาล 40 ล้านยูโรที่จ่ายให้ เชลซี ได้แบบทันทีทันใด
11 เกมแรกของ แทมมี่ ในชุด จัลโลรอสซี่ เริ่มต้น 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์จาก 5 เกมแรก แต่หลังจากนั้น 6 เกม ไม่มีให้เห็นเลยทั้งประตูและแอสซิสต์
ความหงุดหงิดและหัวเสียของแฟนๆ จึงถูกระเบิดออกมา กลายเป็นเสียงโห่ที่สาดใส่ แทมมี่ ขณะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมที่ โรม่า แพ้คาบ้านต่อ เอซี มิลาน 1-2
ในช่วงเวลานั้น โชเซ่ มูรินโญ่ มองว่า แทมมี่ แค่ต้องใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมฟุตบอลที่แตกต่าง ประเทศที่แตกต่าง จึงไม่มีความคิดที่จะดร็อป หรือพักใช้งานอดีตดาวรุ่งที่เคยมองเห็นแววสมัยคุม เชลซี อย่างแน่นอน
ตอนนั้น แทมมี่ ก็ทราบดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับเกมเซเรียอาแล้ว สภาพร่างกายของเขาในช่วงเวลานั้นก็ไม่ได้อยู่ในสภาพร้อยเปอร์เซนต์
และนั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องของ มูรินโญ่
แทมมี่ เริ่มกลับมาทำประตูได้ดีขึ้น มี 4 ประตูในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
และพอเริ่มเปลี่ยนปฏิทินเป็นปี 2022 ชีวิตของ แทมมี่ ก็เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นคนละคน
5 ประตูในเดือนมกราคม, 2 ประตูในเดือนกุมภาพันธ์ และ 4 ประตูในเดือนมีนาคม กลายเป็น 11 ประตูในการเริ่มต้นปีใหม่
หากนับเฉพาะเกมเซเรียอา แทมมี่ ตะบันไป 9 ประตูจาก 11 เกมที่ลงสนาม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ประตูในทุกๆ 105 นาที ตัวเลขดังกล่าวเป็นรองเพียงแค่ เลวานดอฟสกี้ ที่ยิง 12 ประตูจาก 10 เกมบุนเดสลีกา เมื่อนับเฉพาะ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป
แทมมี่ ยิงไปแล้ว 23 ประตูให้ โรม่า รวมทุกรายการ เป็นการยิงแซงสองตำนานสโมสร วินเชนโซ่ มอนเตลล่า และ กาเบรียล บาติสตูต้า ที่ยิงไป 21 ประตูเท่ากันในฤดูกาลแรกที่มาถึง สตาดิโอ โอลิมปิโก้
และที่แฟนๆ จัลโลรอสซี่ ค่อยๆ หลงรัก แทมมี่ มากขึ้นเรื่อยๆ คงมาจากเกมที่ยิงสองประตูใส่ ลาซิโอ ในชัยชนะ 3-0 ศึกดาร์บี้ เดลล่า กาปิตาเล่
อาจจะเป็นสองประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฤดูกาลนี้ของ แทมมี่ เพราะกลายเป็นคนแรกที่ยิงเบิ้ลในเกมดาร์บี้นับจาก ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ทำเอาไว้ในปี 2015