วันเวลาผ่านไปกำลังจะครบสองทศวรรษ แฟนบอลอิตาลี ยังไม่มีใครลืมชื่อ ไบรอน โมเรโน่ ผู้ตัดสินชาวเอกวาดอร์ จากศึกเวิลด์คัพ 2002
ความพ่ายแพ้ของ อิตาลี ต่อเจ้าภาพร่วม เกาหลีใต้ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2002 ถูกยกให้เป็นเกมอัปยศ ที่ตามมาด้วยเรื่องราวและปัญหาต่างๆ มากมาย
และทำให้เกมที่ แทจอน กลายเป็นหนึ่งในตำนานของประวัติศาสตร์เวิลด์คัพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไบรอน โมเรโน่ คือชื่อผู้ตัดสินที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงเวลานั้น แม้เวลาผ่านเลยมาจะครบสองทศวรรษแล้ว แต่แฟนๆ อิตาลี ก็ยังคงด่าทอ สาบแช่ง และขู่ฆ่ามาจนถึงทุกวันนี้
หลายครั้งที่เราได้ยินคำสัมภาษณ์ของ โมเรโน่ ผ่านสื่อต่างๆ และอีกครั้งที่อดีตผู้ตัดสินชาวเอกวาดอร์ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในศึกฟุตบอลโลกที่ทวีปเอเชียเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
โมเรโน่ ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับผลงานการตัดสินของตัวเองที่ถูกวิจารณ์อย่างมาก ไม่เพียงแค่อิตาลี แต่รวมถึงทั่วโลกที่ต่างมองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
อาจจะมีเพียง โมเรโน่ คนเดียวที่ชื่นชมการทำหน้าที่ของตัวเอง และให้คะแนนความสามารถของตัวเองเอาไว้ที่ 8.5 จากเต็ม 10 พร้อมยกให้เป็นเกมที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ของอาชีพผู้ตัดสินเลยทีเดียว
การตัดสินที่ค้านสายตาผู้มาเยือนจากยุโรปหลายจังหวะ ที่เข้าตาที่สุดคือสองประตูที่ยิงเข้าแต่ถูกจับล้ำหน้า การปฏิเสธจุดโทษ และสองใบเหลืองของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ
"ผู้ตัดสิน โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนที่มีวีเออาร์ มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเลือกและตัดสินใจเป่า ผมไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล เพราะผมรู้ว่าการทำหน้าที่ของผมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันในเกมนั้น"
"ยกตัวอย่างเช่น ใบแดงของ ต๊อตติ คือหนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกวิจารณ์มากที่สุด"
"แต่ถ้าคุณไปดูวีดีโอ นักเตะเกาหลีแตะโดนบอลก่อน นักเตะอิตาลีล้มลงไป พยายามทำเหมือนเป็นการฟาวล์ นั่นคือเหตุผลที่เขาโดนใบเหลืองครั้งที่สอง"
"กฏระบุให้เป็นใบเหลืองสำหรับการตบตา ผมเคารพกฏ และภาพก็ชัดเจนทีเดียว"
"ต๊อตติ เองก็ไม่ได้ประท้วง เป็น คริสเตียน วิเอร่า กับ อังเจโล่ ดิ ลิวิโอ ที่เข้ามาบ่น ถ้านักเตะถูกลงโทษแล้วไม่ประท้วง แสดงว่าเขารู้ตัวเองว่าผิด นั่นคือท่าทีของ ต๊อตติ ตอนที่เขาเห็นใบแดง"
โมเรโน่ เอาตัวรอดจากความผิดที่ปฏิเสธประตูของ ดาเมียโน่ ตอมมาซี่ เพราะโดนจับล้ำหน้า โดยโยนความผิดทั้งหมดไปให้ ฮอร์เก้ ราตายีโน่ ที่ทำหน้าที่ไลน์แมน
อย่างไรก็ตาม โมเรโน่ ยอมรับว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่รู้สึกเสียใจจากเกมนั้น
"ฮวาง ซุน-ฮอน ไปรวบ จานลูก้า ซัมบร็อตต้า ในนาที 72 จนบาดเจ็บต้องออกจากสนาม นั่นคือสถานการณ์เดียวที่ทำให้ผมต้องย้อนกลับไปนึกถึงเป็นเวลาหลายปี"
"ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมอยากให้ใบแดงนักเตะเกาหลี"
"ผมก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ผมตัดสินพลาดในจังหวะปะทะสำคัญ สิ่งที่คุณมั่นใจได้เลยคือผมไม่ต้องการเป่าเข้าข้างหรือต่อต้านทีมใดโดยเฉพาะ"
"ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมยังคงเจอคำด่าทอต่างๆ จากแฟนๆ อิตาลีทางโซเชียลมีเดีย แต่ผมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีชัดเจน"
โมเรโน่ ถูกปลดออกจากการเป็นผู้ตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า
และอีกหนึ่งปีต่อมา ก็ถูกถอดชื่อออกจากการเป็นผู้ตัดสินของเอกวาดอร์ จากการให้ทดเวลาบาดเจ็บนานถึง 13 นาที และให้จุดโทษปัญหาแก่ทีม กีโต้ สโมสรที่อยู่ในเมืองที่เขาลงสมัครรับตำแหน่งนายกเทศมนตรี
ชื่อของ โมเรโน่ ค่อยๆ เงียบหายไปตามกาลเวลา จนกระทั่งเดือนกันยายนปี 2010 ก็กลายเป็นข่าวครึกโครม เมื่อถูกจับกุมตัวที่สนามบินจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ในนิวยอร์ค ขณะลักลอบขนเฮโรอีนจำนวน 6 กิโลกรัมโดยซุกเอาไว้ในกางเกงใน
"นั่นเป็นวันที่น่าทุเรศที่สุดในชีวิตของผม ทุกคนรู้ว่าผมทำไปทำไม ผมโดนข่มขู่และบังคับให้ต้องขนเฮโรอีน และชีวิตภรรยาของผมก็ตกอยู่ในอันตราย"
โมเรโน่ สารภาพผิดและยอมรับข้อหา ศาลนิวยอร์คตัดสินให้จำคุกสองปีครึ่ง จากความเป็นไปได้สูงสุดถึง 10 ปี และหลังจากใช้ชีวิตในเรือนจำเป็นเวลา 26 เดือนก็ได้รับการปล่อยตัว และเดินทางกลับเอกวาดอร์
ปัจจุบัน โมเรโน่ มีหนึ่งบทบาทคือการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของผู้ตัดสิน แต่ด้วยชื่อเสียงในแง่ลบของเขา จะมีใครเชื่อถือคำพูดกันบ้าง?
