คริสเตียน เอริคเซ่น กลับมาสนุกกับเกมฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ช็อกโลก ล้มฟุบคาสนามในเกมยูโร 2020 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีที่แล้ว
เอริคเซ่น ถูกบีบบังคับให้ต้องอำลา อินเตอร์ มิลาน ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับข้อบังคับของนักกีฬาในอิตาลี ที่การฝังเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติเอาไว้ในร่างกาย ไม่สามารถเล่นกีฬาอาชีพได้
เป้าหมายของ เอริคเซ่น คือการกลับมาอังกฤษ ดินแดนที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง เพราะเคยเป็นขวัญใจแฟนๆ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และก็ยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน
เบรนท์ฟอร์ด คือหนึ่งในสโมสรที่ให้ความสนใจ และ เอริคเซ่น ก็ถูกตาต้องใจ เดอะ บีส์ แห่งเวสต์ลอนดอน อยู่ไม่น้อย เพราะสโมสรนี้มีนักเตะเดนิชอยู่ในทีมชุดใหญ่ ชุดบี และที่ปล่อยยืมตัว มากถึง 9 คน
การเซ็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือนเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนมกราคม ผู้คนคงคิดว่า เบรนท์ฟอร์ด คงเป็นเพียงทีมที่ให้โอกาส เอริคเซ่น ได้เรียกความฟิต และสัมผัสในเกมฟุตบอลกลับมา
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่...
เอริคเซ่น กลายเป็นกำลังหลักในแดนกลางให้ทีมของ โธมัส แฟร้งค์ และ เบรนท์ฟอร์ด ก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาล 2021-22 เป็นต้นมา
แฟนๆ เดอะ บีส์ ต้องอดทนรอ เอริคเซ่น เรียกความฟิตเกือบๆ หนึ่งเดือน ก่อนได้ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองเกมแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และลงตัวจริงครั้งแรก เกมบุกชนะ นอริช ต้นเดือนมีนาคม
จาก 10 เกมหลังสุดของ เบรนท์ฟอร์ด เอริคเซ่น ลงตัวจริงไปถึง 9 เกม ผลงานของทีม ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 1 และเกมเดียวที่พลาดลงเล่นคือเกมบุกแพ้ เลสเตอร์ 1-2
บทบาทของ เอริคเซ่น มีความแตกต่างไปจากตอนเล่นกับ ท็อตแน่ม และ อินเตอร์ อยู่เล็กน้อย เพราะเป็นหนึ่งในสามแผงกองกลางของ แฟร้งค์ ไม่ได้เป็นตัวสร้างสรรค์เกมรุกอย่างเดียวเหมือนการเล่นกับสองทีมก่อนหน้า
จากผลงานที่น่าพอใจจนถึงตอนนี้ เอริคเซ่น จึงถูกจับตามองจากหลายทีม ในจำนวนนั้นมี ท็อตแน่ม ทีมเก่า และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฝ้ามองโอกาสอยู่ หากกลายเป็นฟรีเอเยนต์หลังผ่านเดือนมิถุนายนไปแล้ว
แม้มีความเสี่ยงที่จะเสีย เอริคเซ่น ออกจากทีม แต่ แฟร้งค์ ยังคงเชื่อมั่นลึกๆ ว่าจะมีการต่อสัญญาเกิดขึ้น เหมือนครั้งตอนเซ็นสัญญาเมื่อเดือนมกราคมที่ไม่อยากเชื่อว่าจะทำได้
เอริคเซ่น เอง แม้มีความฝันที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลระดับสูงสุดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง แต่เขาก็ยอมรับว่า บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเสมอไป
"ผมมีหลายข้อเสนอและหลายทางเลือกที่แตกต่างกัน ซึ่งเรากำลังพิจารณากันอยู่ จากนั้นเราจะตัดสินใจ"
"ผมอยากลงเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก ผมรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับผม"
ประโยคท้ายสุดนี้เอง ที่เป็นการมอบความหวังให้กับ เบรนท์ฟอร์ด และกุนซือชาวเดนิช
ถึงตอนนี้ เอริคเซ่น เพิ่งอายุ 30 ปี ยังอยู่ในเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลได้อีกนาน หากไม่กลับมาประสบปัญหาเดิมเกี่ยวกับโรคหัวใจขึ้นอีก
ยังคงมีเวลาอีกมากให้ เอริคเซ่น กลับไปเล่นกับสโมสรใหญ่ ในรายการใหญ่ แต่สำหรับฤดูกาลหน้า การตัดสินใจที่ดีที่สุดควรเป็นการตอบแทน เบรนท์ฟอร์ด สโมสรที่มอบโอกาสให้ อย่างน้อยอีกสักหนึ่งฤดูกาล