เกมระหว่าง ยูเครน พบกับ สกอตแลนด์ มีความน่าสนใจ แม้ยังเป็นแค่รอบรองชนะเลิศ เพลย์ออฟ ชิงตั๋วฟุตบอลโลก 2022 ก็ตาม
นี่คือการลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนักเตะหลายต่อหลายคน จากสโมสรในบ้านเกิด ที่ส่วนใหญ่มาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค กับ ดินาโม เคียฟ นับตั้งแต่เกิดเหตุสงครามที่ถูกรัสเซียเปิดฉากโจมตี
ไม่เพียงแค่ฝีเท้าของนักเตะที่เหนือกว่า แท็กติกในเกมที่เน้นเกมรุกมากกว่า แต่ ยูเครน ยังเต็มไปด้วยสปิริตและพละกำลังที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากสงคราม
ว่ากันด้วยเรื่องแท็กติก ระบบการเล่น และการจัดทัพ ยูเครน เลือกเล่นระบบ 4-1-4-1 ทาราส สเตปาเนนโก้ ต้องรับภาระหนักในบทบาทกองกลางตัวรับ ปล่อยให้แผงกลางรุกทั้ง 4 คน บวกกับกองหน้าตัวเป้า มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมรุกสูงมาก
จังหวะสวนกลับเร็วของ ยูเครน จะเห็นการวิ่งดาหน้ากันขึ้นมาเป็นแผง กลับกันยามตั้งรับ บรรดาแผงแนวรุกก็วิ่งลงมาไล่บี้แบบมีวินัย และเล่นได้ตามแท็กติกของ โอเล็กซานเดอร์ เปตราคอฟ ทุกประการ
ตรงกันข้ามกับ สกอตแลนด์ ที่เล่นในบ้าน แฮมพ์เด้น พาร์ค แท้ๆ แต่ สตีฟ คล้าร์ก กลับวางตัวรับลงสนามมากเกินไป นอกจากสามกองหลังกับสองวิงแบ็กแล้ว ยังมีกองกลางตัวกวาดอีกสองคน แล้วกองกลางตัวรุกก็เป็น จอห์น แม็คกินน์ ซึ่งไม่ใช่ตัวรุกจ๋า
ผลการแข่งขันที่ ยูเครน บุกชนะ 3-1 จึงสะท้อนทั้งรูปเกม แท็กติก และการจัดทัพตั้งแต่ก่อนลงสนามแล้ว
ด่านต่อไปของ ยูเครน คือรอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ ที่เดินทางจาก กลาสโกว์ มาที่ คาร์ดิฟฟ์ เพื่อลงเล่นกับ เวลส์ ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากเอาชนะ ออสเตรีย มาได้ตั้งแต่เกมเมื่อเดือนมีนาคม
สองเกมนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ เวลส์ เป็นทีมที่เล่นเกมรุก เน้นเพรสซิ่ง วิ่งไล่บี้ไม่มีหมด ซึ่งก็เป็นแนวทางเดียวกับ ยูเครน เกือบทุกประการ
ยูเครน ต้องการตั๋วใบสุดท้ายของโซนยุโรปเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องการนำชื่อประเทศไปอยู่ในมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ต้องการแสดงให้เห็นถึงสปิริตของผู้คนในชาติ ที่สามารถถ่ายทอดออกมาผ่านเกมฟุตบอล
และไม่ต้องมีความกังวลว่าจะเผชิญหน้ากับ รัสเซีย ที่ กาตาร์ เพราะสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ตัดสิทธิ์ไปแล้วในรอบเพลย์ออฟ
ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกส่วนใหญ่จะเทใจเชียร์ ยูเครน ให้คว้าตั๋ว เวิลด์คัพ 2022 ใบสำคัญนี้ให้ได้ เพราะเหลืออีกแค่ด่านเดียวแล้ว เวลส์ จะเป็นผู้ให้คำตอบวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายนนี้