อันดับในลีกตอนนี้ไม่ขอพูดถึง ขอพูดถึงเรื่องดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ว่าใครมีโอกาสได้สัมผัส 'โกลเด้นบูท' ไปครองมากกว่ากัน
ผ่านไป 27 นัด สถานการณ์ชัดเจนทีเดียวกับการเหลือ 3 กองหน้าที่จะขับเคี่ยวแย่งรางวัล รองเท้าทองคำ ไปครอง นั่นคือ แฮร์รี่ เคน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่หายใจรดต้นคอกันแบบเกาะติด ทิ้งห่างพวกที่ตามมาอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, เจมี่ วาร์ดี้, โรเมลู ลูกากู, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แบบขาดแล้ว
เหลืออีกเพียง 11 นัด สถานการณ์เวลานี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด เพราะหากมีแฮตทริกเกิดขึ้นกับใครสักคน หรือใครเกิดตีนบอดขึ้นมา ก็พลิกอันดับกันได้ง่ายๆ เนื่องจากเวลานี้ เคน ยิงไป 23 ประตู, ซาลาห์ 22 ประตู และ อเกวโร่ 21 ประตู
แฮร์รี่ เคน
บ้าไปแล้ว สำหรับดาวยิงจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่กดไป 33 ประตูจาก 34 นัดรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ แยกเป็นพรีเมียร์ลีก 23 ประตูจาก 26 นัด, เอฟเอคัพ 3 ประตูจาก 2 นัด และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 7 ประตูจาก 6 นัด มีโอกาสสูงเดียวกับการคว้ารางวัล โกลเด้น บูท เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เคน ตะบันแฮตทริกติดๆ กันเป็น 6 ประตูจาก 2 นัด ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ทำให้ยอดรวมพุ่งกระฉูดขึ้นมาแบบเห็นๆ ล่าสุดยิงจุดโทษตีเสมอ ลิเวอร์พูล เป็นประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก และขยับเพิ่มเป็น 101 จากลูกโหม่งประตูชัยเหนือ อาร์เซน่อล ใน นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้
หากเทียบกับ ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลก่อน เคน กดไป 25 ประตู ซีซั่น 2015-16 และ 29 ประตู ซีซั่น 2016-17 แต่ฤดูกาลนี้เพิ่งผ่านไป 27 นัด กดไป 23 ประตูแล้ว มีโอกาสที่จะทำลายสถิติ 34 ประตูสูงทีเดียว ซึ่ง แอนดี้ โคล กับ อลัน เชียเรอร์ เคยทำเอาไว้จากการเล่น 42 นัดด้วย เพราะมี 22 ทีมในเวลานั้น
ถ้าลงลึกในรายละเอียดของ เคน ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ลงเล่นไปแล้ว 2,228 นาที มากที่สุดในบรรดา 3 ตัวเต็ง เฉลี่ยแล้วมี 1 ประตูใน 97 นาที โอกาสยิงรวมทั้งหมด 109 ครั้ง เข้ากรอบ 62 ครั้ง คิดเป็น 57 เปอร์เซนต์ และที่สำคัญมีความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น เพราะมีแค่แอสซิสต์เดียวจนถึงตอนนี้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ตัวรุกอียิปต์มีสไตล์การเล่นแบบปีก แต่เป็นปีกที่ตัดหรือทะลุทะลวงเข้าในเพื่อสร้างโอกาสทำประตูด้วยตัวเอง ซึ่งแท็กติก 4-3-3 ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างเอาไว้ ดูจะทำให้ 3 แนวรุกมีอิสระในการเล่นมาก เพราะสามารถสลับพื้นที่กันเล่นได้แบบไม่ตายตัว
ซีซั่นนี้ ซาลาห์ ตะบันไปแล้ว 30 ประตูจาก 36 นัด แบ่งเป็น 22 ประตูจาก 26 นัดในพรีเมียร์ลีก, 1 ประตูจาก 1 นัดในเอฟเอคัพ และ 7 ประตูจาก 9 นัดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เมื่อดูผลงานในพรีเมียร์ลีก ซาลาห์ ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอที่สุด เพราะเป็นคนเดียวที่ไม่มีแฮตทริกเกิดขึ้นเลย กดไปเกมละ 1 ประตู 2 ประตู ขณะที่ เคน ส่องไปแล้ว 2 แฮตริก และ อเกวโร่ ทำไปถึง 3 แฮตทริก
ตัวเลขต่างๆ ในพรีเมียร์ลีกของ ซาลาห์ น่าสนใจทีเดียว ลงเล่นไปแล้ว 2,036 นาที เฉลี่ย 93 นาทีต่อ 1 ประตู หาโอกาสยิงรวมทั้งหมด 82 ครั้ง เข้ากรอบ 49 ครั้ง เปอร์เซนต์สูงกว่าใครเพื่อน 60 เปอร์เซนต์ และหากเทียบรวมประตูกับแอสซิสต์เข้าไปด้วย ปีกอียิปต์ นำโด่ง 29 ประตู เพราะทำไปแล้วถึง 7 แอสซิสต์
เซร์คิโอ อเกวโร่
ในขณะที่ เคน กับ ซาลาห์ กอดคอกันทิ้งห่างคู่แข่งคนอื่นๆ อเกวโร่ ค่อยๆ ย่องมาแบบเงียบๆ กดแฮตทริกในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อวันที่ 20 มกราคม และกดอีก 4 ประตูในเกมล่าสุดกับ เลสเตอร์ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ จนไล่มากระชั้น 2 ผู้นำแล้ว
เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึง อเกวโร่ ซึ่งครองดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว เคยคว้ารางวัล โกลเด้นบูท มาในฤดูกาล 2014-15 หรือ 1 ซีซั่นก่อนหน้าที่ เคน จะมาสอย 2 ซีซั่นติด
ก่อนหน้านี้ อเกวโร่ อาจจะเป็นรอง เคน กับ ซาลาห์ ตรงที่ต้องสลับกันลงตัวจริงกับ กาเบรียล เชซุส แต่หลังจากกองหน้าบราซิลเดี้ยงช่วงวันปีใหม่ ก็ทำให้ ดาวยิงอาร์เจนไตน์ เป็นตัวหลักลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกแบบไม่มีคู่แข่ง
เมื่อเทียบจากสถิติต่างๆ อเกวโร่ เหนือกว่า เคน และ ซาลาห์ ตรงเรื่องค่าเฉลี่ยต่อนาที เพราะลงสนามไปน้อยที่สุดเพียง 1,788 นาที เฉลี่ย 1 ประตูในทุกๆ 85 นาที โอกาสยิงทั้งหมดก็น้อยกว่าใครเพื่อน 70 ครั้ง เข้ากรอบ 39 ครั้ง คิดเป็นตัวเลข 56 เปอร์เซนต์ และทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์
อย่างที่เกริ่นไป สถานการณ์การลุ้นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกสามารถเปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ เพียงแค่นัดสองนัดเท่านั้น เพราะอย่าง อเกวโร่ ที่ตามห่างๆ มากดทีเดียว 4 ประตูเมื่อสัปดาห์ก่อน ไล่ขึ้นมาติดตูด เคน กับ ซาลาห์ ได้แบบสบายๆ