"ผมขอแพ้ในรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก บนม้านั่งสำรองกับ กวาร์ดิโอล่า ดีกว่าที่จะชนะร่วมกับโค้ชคนอื่น"
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือแบบอย่างในการเป็นโค้ชของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
และ เด แซร์บี้ ก็เป็นตัวอย่างของโค้ชชาวอิตาเลียนยุคใหม่ ที่เน้นฟุตบอลเกมรุกมากกว่าเกมรับ และวางรากฐานการเล่นจากการครองบอลเป็นหลัก
เด แซร์บี้ ในวัย 43 ปี ยังไม่เคยสัมผัสการคุมสโมสรใหญ่มาก่อน แต่ประวัติการทำงานที่ผ่านมา เพียงพอที่จะทำให้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มอบสัญญาระยะเวลา 4 ปีให้
หลากหลายเหตุผลที่ ไบรท์ตัน เลือก เด แซร์บี้ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าโค้ชชาวอิตาเลียนคนนี้แน่พอสำหรับพรีเมียร์ลีกแล้วเหรอ?
ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ ไบรท์ตัน ก็เคยเสี่ยงกับ แกรม พ็อตเตอร์ มาแล้ว
ประวัติการคุมทีมของ พ็อตเตอร์ ดูแย่กว่า เด แซร์บี้ ด้วยซ้ำ เพราะเริ่มต้นการคุมทีมนอกลีก ลีดส์ คาร์เนกี (ที่ปัจจุบันยุบสโมสรไปแล้ว) และอีก 7 ปีที่คุมทีม ออสเตอร์ซุนด์ ในลีกสวีเดน
แต่ พ็อตเตอร์ ก็มีผลงานที่น่าพอใจกับ ไบรท์ตัน โดยเฉพาะการเริ่มต้นฤดูกาล 2022-23 ดังนั้น คงไม่แปลกอะไร หาก เดอะ ซีกัลล์ จะลองเสี่ยงกับ เด แซร์บี้ ดูบ้าง
เด แซร์บี้ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโค้ชชาวอิตาเลียนรุ่นใหม่ที่คุมทีมได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ไม่ว่าจะเล่นในระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1
และเชื่อว่าภายในฤดูกาล 2022-23 นี้แหละ เด แซร์บี้ คงได้กลับมารับงานคุมทีมในเซเรียอาอีกครั้ง หากไม่ตอบตกลงข้อเสนอจาก ไบรท์ตัน เสียก่อน
โบโลญญ่า คือหนึ่งในสโมสรที่ติดต่อเข้ามา หลังจากปลด ซินิซ่า มิไฮโลวิช
ขณะที่ ยูเวนตุส ก็พร้อมทาบทามอยู่แล้ว เพราะอนาคตของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กำลังร่อแร่เต็มที
เป๊ป คือแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการคุมทีมของ เด แซร์บี้
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน เป๊ป เคยให้สัมภาษณ์ชื่นชมแนวทางการเล่นเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจของ เด แซร์บี้ กับ ซาสซูโอโล่ ที่แม้จะเป็นทีมเล็กก็ตาม ระหว่างการร่วมงานที่จัดขึ้นโดย กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต
เด แซร์บี้ เริ่มต้นฉายแววกับ เบเนเวนโต้ ตอนที่เลื่อนชั้นขึ้นสู่เซเรียอา ในฤดูกาล 2017-18 แม้ทีมตกชั้นเพียงแค่ปีเดียว แต่โค้ชหนุ่มถูกชื่นชมมากทีเดียว เรื่องแนวทางการเล่นฟุตบอล
และ ซาสซูโอโล่ ก็ดึงตัวไปคุมทัพ คือจุดที่ทำให้ เด แซร์บี้ ได้รับการจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะซีซั่น 2019-20 และ 2020-21 ที่พาทีมจบถึงอันดับ 8 สองฤดูกาลติดต่อกัน
น่าเสียดายที่การออกไปหาประสบการณ์ในต่างแดนกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค จบลงแบบไม่น่าจดจำเพียงแค่ซีซั่นแรกที่คุมทัพ เพราะเหตุผลเรื่องสงคราม ทำให้มีการยกเลิกสัญญากันในที่สุด
การปราศจากสัญญาหรือข้อผูกมัดกับสโมสรใดๆ ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ ไบรท์ตัน เลือก เด แซร์บี้
และที่สำคัญกว่านั้นคือแนวทางในการสร้างทีมที่ตรงกัน
งานแรกของ เด แซร์บี้ ในพรีเมียร์ลีก เป็นงานที่โหดมากๆ นั่นคือการบุกเยือน แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล วันที่ 1 ตุลาคม หลังจากจบสัปดาห์ทีมชาติ
จากนั้นเกมแรกในรัง เอเม็กซ์ ของ เด แซร์บี้ ก็ยังคงหินเช่นกันเจอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สัปดาห์ถัดไป
และเกมสำคัญของ เด แซร์บี้ ที่จะได้ปะทะฝีมือกับ เป๊ป ผู้เปรียบเสมือนอาจารย์ของตัวเอง ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม รออยู่วันที่ 23 ตุลาคม
แม้ เด แซร์บี้ ชื่นชอบแนวทางการทำทีมของ เป๊ป และอยากเดินตามรอยเท้าในพรีเมียร์ลีก แต่ต้องไม่ลืมเรื่องศักยภาพและความแตกต่างของฝีเท้านักเตะ
จะให้ ไบรท์ตัน ตะบี้ตะบันเล่นแบบเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ ก็คงยาก