จากศูนย์หน้าหมายเลข 9 ที่ย้ายมาด้วยค่าตัวแพงกระฉูด ตอนนี้ดาวเตะบราซิลได้บทบาทใหม่ ไม่ว่าจะเต็มใจยอมรับหรือไม่ก็ตาม
โชลินตอน กัสซิโอ อาโปลินาริโอ เดอ ลิร่า หรือชื่อเรียกที่คุ้นหู โชลินตอน ย้ายจาก ฮอฟเฟนไฮม์ มาอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวมหาศาล 40 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019
นิวคาสเซิ่ล ยอมจ่ายหนักทั้งที่ประวัติการทำประตูของ โชลินตอน ไม่เคยยิงประตูในลีกแตะสองหลักเลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับ ฮอฟเฟนไฮม์ หรือ ราปิด เวียนนา ในสัญญายืมตัว
7 ประตูจาก 28 เกมในบุนเดสลีกา ซีซั่น 2018-19 คือผลงานสุดท้ายก่อนย้ายมา นิวคาสเซิ่ล
แน่นอน ด้วยค่าตัวมหาศาลเฉียดครึ่งร้อยล้านปอนด์แบบนี้ แฟนๆ เดอะ แม็กพายส์ จึงคาดหวังในตัวศูนย์หน้าหมายเลข 9 คนใหม่เอาไว้มาก
ประตูแรกของ โชลินตอน เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่กว่าจะเห็นประตูที่สองต้องรอเปลี่ยนปฏิทินเป็นปี 2020 เป็นเกมเอฟเอคัพ และประตูที่สองในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นประตูแรกใน เซนต์ เจมส์ พาร์ค รอแล้วรอเล่าถึงเดือนมิถุนายน ยุติช่วงเวลาปืนฝืดยาวนานถึง 2,130 นาที
ถึงตอนนี้ แฟนๆ เดอะ แม็กพายส์ เริ่มสงสัยในตัว โชลินตอน เข้าให้แล้ว เพราะจบซีซั่นแรก มีเพียง 2 ประตูให้เห็นในพรีเมียร์ลีก จากการลงเล่นครบทั้ง 38 เกม ซึ่งเป็นการลงตัวจริงมากถึง 32 เกมด้วยกัน
ตำนานสโมสร อลัน เชียเรอร์ เจ้าของเสื้อหมายเลข 9 ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ถึงกับวิจารณ์ผลงานของ โชลินตอน แบบไม่ไว้หน้า พร้อมกับ มิเกล อัลมีรอน อีกคนที่ย้ายมาช่วงต้นปี 2019
เข้าใจได้ว่าผลงานโดยรวมของทีมย่ำแย่และน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ บรูซ ส่งผลต่อผลงานในสนามของ โชลินตอน ด้วย
แต่ก็มีความคาดหวังว่า โชลินตอน น่าจะมีทีเด็ดให้เห็นมากกว่านี้ มิเช่นนั้น นิวคาสเซิ่ล คงไม่กล้าจ่ายแพงถึง 40 ล้านปอนด์
ซีซั่นที่สองผ่านไป โชลินตอน ยังคงปืนฝืด มีให้เห็นเพียง 4 ประตูจาก 31 เกมในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นการลงตัวจริงถึง 23 เกม
ถึงตอนนี้ ชัดเจนแล้วว่า สโมสรลงทุนมหาศาลกับศูนย์หน้าผิดคน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาล 2021-22 บรูซ ถูกไล่ออกในเดือนตุลาคม หลังจากการเทกโอเวอร์สโมสรของเจ้าของใหม่ได้ไม่นาน และ เอ็ดดี้ ฮาว ถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในเดือนพฤศจิกายน
จุดเปลี่ยนของ โชลินตอน เกิดขึ้นในเกมพบกับ นอริช หลังจาก เคียแรน คล้าร์ก กองหลังถูกไล่ออกจากสนาม ฮาว จึงตัดสินใจถอยศูนย์หน้าบราซิล ลงมายืนกองกลางตั้งแต่นาทีที่ 9 ของเกม
ด้วยความที่ โชลินตอน เป็นนักเตะร่างใหญ่ มีความเร็ว แข็งแกร่ง และชอบบู๊ ฮาว จึงมองเห็นแววว่าสามารถจับเล่นกองกลางได้ในระยะยาว
"ผมคิดว่าบางทีนี่อาจไม่ใช่ที่ของผม และผมควรไปอยู่ที่อื่น บางครั้งนั่นเป็นวิธีที่ง่าย แต่คุณต้องรู้จักยืดหยุ่นให้เป็น ผมเลือกแบบนั้น ตอนนี้ผมดีใจกับสิ่งที่ผมเลือก"
"เขาอัจฉริยะจริงๆ" โชลินตอน พูดถึง ฮาว ผู้เป็นเจ้านาย
"ตอนที่เขามาถึงที่นี่ เขาลองจับผมซ้อมในตำแหน่งอื่นๆ บางทีเขาอาจรู้ว่าผมทำได้ แต่ผมไม่มีความคิดแบบนั้นเลย คุณจะต้องไปถามเขาดู"
ย้อนกลับดูประวัติเก่าๆ ของ โชลินตอน ในอดีต สมัยเป็นดาวรุ่งที่ สปอร์ต เรซีเฟ่ เขาเคยเล่นกองกลางมาแล้ว และที่ ฮอฟเฟนไฮม์ ภายใต้การคุมทีมของ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เขาเล่นเป็นตัวริมเส้นในระบบสามกองหน้า หรือบางทีก็เล่นบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 หรือบางทีก็เล่นศูนย์หน้าตัวเป้า
โชลินตอน มีความสุขกับฟุตบอลเกมรุกที่ ฮอฟเฟนไฮม์ บอลไล่บีบกดดันสูงตามสไตล์ นาเกิลส์มันน์ และมีแนวรุกหลายคนคอยสอดประสาน ทำให้ศูนย์หน้าบราซิลเล่นได้อย่างไหลลื่น
แต่เมื่อมาถึง นิวคาสเซิ่ล เขาถูกทิ้งเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าตามแท็กติกของ บรูซ กับรูปแบบการเล่นที่ตั้งรับกันเยอะ บางทีตั้งรับตลอดทั้งเกมด้วยซ้ำ และบอลที่มักถูกส่งมาถึงเขาก็เป็นบอลสาดยาว
ไม่แปลกที่ โชลินตอน ไม่สามารถปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก หรือมีความสุขกับเกมฟุตบอลที่นี่
"มันไม่ง่ายเลย ลีกนี้มีความยากอยู่แล้ว และรูปแบบที่เราเล่นก็ไม่เหมาะกับผม แน่นอน ผมยอมรับเสียงตำหนิบางอย่างสำหรับฟอร์มการเล่นที่ไม่ดี มันไม่ใช่แค่เรื่องของแท็กติก"
"พวกเขาซื้อผมมาในฐานะศูนย์หน้าหมายเลข 9 ผมต้องเล่นตรงนั้น มันยาก แต่ผมพยายามเล่นให้ดีที่สุดเสมอ ผมต้องการช่วยเพื่อนร่วมทีม บางครั้งมันเวิร์ค แต่บางครั้งก็ไม่เวิร์ค"
"ผมเดินหน้าสู้ไม่ถอย ผมไม่เคยถอดใจ นั่นมันไม่ใช่ผม"
สำหรับฤดูกาล 2022-23 โชลินตอน ถูกใส่ชื่ออยู่ในหมวดหมู่กองกลางเต็มตัวแล้ว เป็นหนึ่งในสามกองกลางในระบบการเล่น 4-3-3 ของ ฮาว ที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เจ้านายอยากให้เล่นตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 หรือกองหน้าริมเส้น โชลินตอน ก็พร้อมสำหรับบทบาทนั้นเสมอ
"ผมพร้อมที่จะเล่นแบ็กขวา ถ้าเขาต้องการให้ผมเล่นตรงนั้น เพราะเมื่อทีมชนะ ทุกคนก็ชนะร่วมกัน"
ถึงตอนนี้ โชลินตอน ไม่ใช่ศูนย์หน้าปืนฝืดเจ้าของค่าตัวมหาศาลอีกต่อไปแล้ว