3 ประตูจาก 108 นาทีที่อยู่ในสนาม บวกกับ 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' 1 เกม ทำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด แทบจะจับจองพื้นที่ตัวจริงในเกมรอบน็อกเอาท์ไปแล้ว
จากศูนย์หน้าที่ประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างรุนแรงกับต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดฤดูกาล 2021-22 ยิงได้เพียง 5 ประตูจาก 32 เกมที่ลงสนามในทุกรายการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบมาจากรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 แรชฟอร์ด ถูกโจมตีอย่างหนักทางโซเชียลมีเดีย ทั้งข้อความตำหนิและรุนแรงถึงการเหยียดผิว เหตุจากการพลาดจุดโทษ
แรชฟอร์ด ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ ไม่มีส่วนร่วมกับเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เดือนกันยายน และตุลาคม แม้มีชื่อกลับมาอยู่ในทีม อังกฤษ อีกครั้งเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ต้องถอนตัวเพราะป่วย
ซีซั่น 2021-22 จึงเป็นขวบปีที่ไม่น่าจดจำเลยสำหรับ แรชฟอร์ด
แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงไม่มีที่ว่างให้ในเกมอุ่นเครื่องเดือนมีนาคม ต่อด้วยเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เดือนมิถุนายน และกันยายน ซึ่งหมายความว่าโอกาสของ แรชฟอร์ด น่าจะดับลงไปเรียบร้อยแล้ว
เว้นแต่ว่า แรชฟอร์ด จะเค้นฟอร์มเก่งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื่อว่า เซาธ์เกต น่าจะเขียนชื่ออยู่ในทีมชุดเบื้องต้น 55 คนที่ส่งให้ ฟีฟ่า ก่อนทำการตัดตัวเหลือ 26 คน
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจให้ เมื่อ เอริค เทน ฮาก มอบโอกาสให้ยืนศูนย์หน้าตัวเป้า ในช่วงเวลาที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจอปัญหาทั้งในและนอกสนาม และ แรชฟอร์ด ก็ตอบแทนด้วยการยิงไปแล้ว 8 ประตูจาก 19 เกม
บวกกับคู่แข่งแย่งตำแหน่งอย่าง แทมมี่ อาบราฮัม ฟอร์มตกกับ โรม่า และ อีวาน โทนี่ย์ ของ เบรนท์ฟอร์ด ก็ยังไม่มีประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติ ทำให้ เซาธ์เกต ใส่ชื่อ แรชฟอร์ด เป็น 1 ใน 26 คนแบบหวุดหวิด
จากศูนย์หน้าที่ไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลยในเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 แรชฟอร์ด ได้โอกาสลงสัมผัสเกมในฐานะตัวสำรองนาที 70 ใช้เวลาอยู่ในสนามไม่ถึงหนึ่งนาที ยิงประตูนำ 5-1 ในชัยชนะ 6-2 เหนือ อิหร่าน
49 วินาทีที่ลงสนามแล้วยิงประตูได้ ทำให้ แรชฟอร์ด มีชื่ออยู่ในสถิติตัวสำรองที่ลงมายิงประตูเร็วที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
หลังจากลงสำรองอีกเกมที่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 เซาธ์เกต ถูกวิจารณ์อย่างมากเรื่องการเลือกแนวรุก ดังนั้น แรชฟอร์ด จึงได้รับโอกาสลงตัวจริงเกมแรกที่พบกับ เวลส์ นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
แรชฟอร์ด ปลดล็อกของเกมด้วยฟรีคิกสุดสวย และบวกอีกหนึ่งประตู เป็นประตูปิดท้ายให้ อังกฤษ ชนะ เวลส์ 3-0 ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับหนึ่งกลุ่มบี
ประตูที่สองของ แรชฟอร์ด ในเกมที่ อาห์หมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ยังเป็นประตูที่ 100 ของ อังกฤษ ในฟุตบอลโลก และยอดรวม 3 ประตู ยังทำให้ 'แรชชี่' กลายเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนที่สองที่ยิงสามประตูขึ้นไปให้ อังกฤษ ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ต่อจาก บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
ถึงตอนนี้ โอกาสอยู่ในกำมือของ แรชฟอร์ด แล้ว เพราะเชื่อว่าคงไม่มีเหตุผลอันใดที่ เซาธ์เกต จะไม่เลือกศูนย์หน้าจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นตัวจริงในเกมกับ เซเนกัล รอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายที่จะเตะกันที่สนาม อัล เบย์ต สเตเดี้ยม วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคมนี้
เป็นการสิ้นสุดฝันร้ายที่ยาวนานร่วม 18 เดือนทั้งกับสโมสรและทีมชาติของ มาร์คัส แรชฟอร์ด