การแพ้ในบ้านด้วยสกอร์ 1-4 ของ เอฟเวอร์ตัน คนที่ต้องชูมือแสดงความรับผิดชอบคนแรกก็คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่บางทีนั่นไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
ปัญหาใหญ่ที่ใครๆ ก็มองเห็นได้ของ เอฟเวอร์ตัน ซีซั่นนี้ คือเรื่องการทำประตู จาก 18 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เพิ่งยิงไปเพียง 14 ประตูเท่านั้น ส่งผลไปยังผลการแข่งขันที่ชนะแค่ 3 เกม
14 ประตูของ เอฟเวอร์ตัน ในพรีเมียร์ลีก เป็นผลงานของ ดีมาเร เกรย์ 3 ประตู, แอนโธนี่ กอร์ดอน 3 ประตู, ดไวท์ แม็คนีล 2 ประตู ที่เหลือคนละ 1 ประตู โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน, นีล โมเปย์, อเล็กซ์ อีโวบี้, เยร์รี่ มีน่า, คอเนอร์ โคดี้ และการทำเข้าประตูตัวเองของ ลูก้า ดีญ ของ แอสตัน วิลล่า
ปัญหาในแดนหน้าของ แลมพาร์ด คือสองศูนย์หน้าตัวเป้า คัลเวิร์ท-ลูอิน กับ โมเปย์ เพิ่งทำไปประตูเดียว
เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาที่หมักหมมและเรื้อรังมานานแล้ว เป็นผลพวงมาจากความล้มเหลวในตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงหลายปีที่่ผ่านมา
มาร์เซล บรันด์ส อดีตผู้อำนวยการฟุตบอล คือหนึ่งคนที่ต้องชดใช้ไปแล้วจากการโดนไล่ออกช่วงปลายปี 2021 แต่การแต่งตั้ง เควิน เธลเวลล์ เมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจในตลาดซื้อขายแรกให้กับแฟนบอล
ก้อนใหญ่สุดจ่ายให้กับ อามาดู โอนาน่า 33 ล้านปอนด์ ตามด้วย ดไวท์ แม็คนีล 20 ล้านปอนด์, เจมส์ การ์เนอร์ 15.5 ล้านปอนด์, นีล โมเปย์ 15 ล้านปอนด์
การจ่ายเงินระดับนี้ เมื่อเทียบกับสินค้าที่ได้รับ ถือว่าธรรมดามาก และพอใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจเหมือนที่คิดเอาไว้
หากนับผลงานตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เอฟเวอร์ตัน แพ้ในพรีเมียร์ลีกมากถึง 7 จาก 11 เกม ทำท่าว่าจะกลับมาได้ หลังได้ผลการแข่งขันที่ดีที่บุกเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 แต่หลังจากนั้นกลับมาแพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน ชนิดที่แฟนบอลหลายคนพร้อมใจกันลงความเห็นว่า 'สิ้นหวัง'
อนาคตของ แลมพาร์ด ตอนนี้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย รอแค่ว่าบอร์ดบริหารจะพิจารณาไล่ออกตอนไหนแค่นั้น
และอาจเป็นเพราะการมีเกมเอฟเอคัพ รอบสาม เยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รออยู่วันศุกร์นี้ ทำให้สโมสรยังไม่ตัดสินใจเชือด แลมพาร์ด หลังจบเกมวันอังคารแบบทันทีทันควัน
เป้าหมายสำคัญของ เอฟเวอร์ตัน อยู่ที่เกมถัดไปในพรีเมียร์ลีกที่จะลงเล่นต่อเนื่องในรัง กูดิสัน พาร์ค รับการมาเยือนของ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมในโซนตกชั้น วันเสาร์ที่ 14 มกราคม
ในมุมของแฟนบอลส่วนใหญ่หมดความอดทนกับ แลมพาร์ด ไปแล้ว แต่ในมุมของอดีตนักฟุตบอลหรือกูรูลูกหนังทั้งหลายมองเสียงแตก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการไล่ออก
เพราะปัญหาเรื่องตัวนักเตะและสภาพทีมของ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้ ต่อให้เอา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาคุม ก็คงต้องปวดหัวกันทั้งนั้น
แต่วิถีทางของวงการฟุตบอล โค้ชคือคนแรกที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ และหลายครั้งที่เราเห็นว่าทีมชุดเดิม นักเตะหน้าเดิม แต่พอเปลี่ยนโค้ชแล้วกลับดีขึ้นผิดหูผิดตา
นั่นคือเรื่องที่ แลมพาร์ด หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนอย่างที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เจอมาแล้วในซีซั่นนี้