การย้ายจาก เชลซี มาอยู่กับ ไบรท์ตัน ในเดือนมกราคมปี 2020 ทำให้หลายคนได้รู้จัก ทาริก แลมพ์ตีย์ มากขึ้น ในฐานะแบ็กขวาที่น่าจับตามองของพรีเมียร์ลีก
จุดเด่นของ แลมพ์ตีย์ ที่เตะตาทุกคนคือความเร็วอันน่าทึ่ง การมีส่วนร่วมกับการสร้างสรรค์จังหวะทำประตู ทั้งการแอสซิสต์ และเรียกฟาวล์ เรียกจุดโทษ
แลมพ์ตีย์ กลายเป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากทีมเยาวชนของ เชลซี ที่หลุดลอยไปให้ทีมอื่น และถูกยกย่องไปไกลว่าจะเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษในไม่ช้า หลังขยับจากทีมชาติอังกฤษชุดยู-20 ขึ้นสู่ชุดยู-21 ตอนย้ายไป ไบรท์ตัน
แต่อาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ในช่วงกลางฤดูกาล 2020-21 ทำให้ แลมพ์ตีย์ ต้องพักยาว 9 เดือน กว่าจะกลับคืนสนามได้ก็ในช่วงต้นฤดูกาลใหม่ 2021-22
นั่นเองที่หยุดพัฒนาการของ แลมพ์ตีย์ ไปชั่วขณะ และต้องกลับมาฟื้นฟูผลงานดีๆ กันใหม่หลังจากนั้น เช่นเดียวกับการสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการทีมคนใหม่ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
"ผมรู้สึกว่าตัวเองมีสภาพร่างกายที่ฟิตเปรี้ยะ หลังกลับมาจากฟุตบอลโลก ผมพยายามสานต่อผลงานร่วมกับผู้จัดการทีม ผมพยายามทำงานหนักเท่าที่จะทำได้ในช่วงฝึกซ้อม รับฟังสิ่งที่เขาบอก และทำให้ได้ในสนาม"
การร่วมงานกับ เด แซร์บี้ มีการจดบันทึกผลงานว่า แลมพ์ตีย์ มีบทบาทไม่น้อยในการขึ้นเกมรุก ซึ่งเป็นงานที่เขาถนัดอยู่แล้ว
"ผมไม่รู้ว่าบางทีเป็นเพราะเราได้ครองบอลบุกมากกว่า ฟูลแบ็กสมัยใหม่ถูกคาดหวังในการทำหน้าที่เกมรับ แต่ก็ต้องช่วยทีมในเกมรุกด้วย"
"นั่นเหมาะกับผมเลยเพราะผมชอบเล่นเกมรับอยู่แล้ว ผมชอบเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับนักเตะฝีเท้าดีๆ ในพรีเมียร์ลีก แต่ผมก็ชอบเล่นเกมรุก มีส่วนร่วมกับเกมบุก เพื่อแอสซิสต์และยิงประตู"
"ทั้งสองบทบาทมีความสำคัญ และมันก็เหมาะกับเกมของผมเป็นอย่างดี"
แลมพ์ตีย์ ไม่มีปัญหากับตำแหน่งการเล่น ไม่ว่า เด แซร์บี้ อยากใช้งานบทบาทอะไรก็ตาม
"ในฤดูกาลนี้ที่ ไบรท์ตัน ผมเล่นแบ็กขวา แบ็กซ้าย และวิงแบ็กมาแล้ว ตรงไหนที่ผู้จัดการทีมอยากให้ผมเล่น ผมก็จะเล่น"
"มันแตกต่างออกไป แต่ผมทำประตูได้ในฤดูกาลนี้จากการเล่นทางซ้าย ไม่เลวเลย ผมเคยเล่นหลากหลายตำแหน่งที่ เชลซี ตอนเป็นเยาวชนผมเล่นกองกลางมาแล้ว ผมแค่มีความสุขที่ได้ลงเล่น"
ก่อนเริ่มต้นซีซั่น 2022-23 แลมพ์ตีย์ ตัดสินใจครั้งสำคัญเปลี่ยนไปรับใช้ทีมชาติกานา ซึ่งเป็นประเทศสายเลือดของเขา เหตุผลสำคัญคือโอกาสเล่นเวิลด์คัพ 2022 ในช่วงปลายปี
"พูดตามตรง ผมแค่พยายามดื่มด่ำประสบการณ์ทั้งหมด ตอนเด็กๆ คุณมีความฝันที่จะไปเล่นในฟุตบอลโลก ผมอยากขอบคุณพระเจ้าที่ประธานโอกาสนี้มาให้"
"พ่อแม่ของผมเกิดที่กานา มันจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัว พ่อกับน้องของผมก็ไปเชียร์ที่ข้างสนาม ผมอยากไปให้ไกลกว่านี้ หวังว่าจะทำได้ในอนาคต"
ที่ ไบรท์ตัน ฤดูกาลนี้ เราได้เห็น คาโอรุ มิโตมะ ปีกทีมชาติญี่ปุ่น แจ้งเกิดเต็มตัวในพรีเมียร์ลีก ซึ่ง แลมพ์ตีย์ ไม่แปลกใจเพราะได้ดวลกันมาในสนามซ้อมทุกสัปดาห์
"เขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่งมากๆ ผมจะไม่บอกเคล็ดลับในการหยุดเขา แต่เขายอดเยี่ยมจริงๆ"
"ในพรีเมียร์ลีกทุกๆ สัปดาห์มีความท้าทายที่แตกต่างออกไป คุณต้องเจอคู่แข่งในสไตล์ที่แตกต่าง นั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เพราะคุณได้พัฒนาตัวเองในทุกๆ สัปดาห์"
แลมพ์ตีย์ ได้มองเห็นนักเตะจากแดนไกลเข้ามาแจ้งเกิดในทีม ไบรท์ตัน ในช่วงหลายปีมานี้ นอกจาก มิโตมะ แล้ว ยังมี มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางเอกวาดอร์ ที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ
"ผมคิดว่าในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะกับผมที่เติบโตมาในระบบเยาวชนของ เชลซี คุณได้เห็นนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ผมจึงไม่แปลกใจเลยเมื่อได้เห็นใครบางคนก้าวเข้ามา"
"ผมเชื่อในหลักการที่ว่าคนๆ นั้นทำงานหนักเพื่อให้ได้อยู่ที่นี่ และพวกเขาสมควรได้รับสิ่งนั้น ผมตั้งตารอที่จะได้เห็นอะไรๆ อีกมากจากพวกเขา"
ผลงานของ ไบรท์ตัน ในฤดูกาล 2022-23 เมื่อถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว พวกเขาอยู่อันดับ 6 ของตาราง แอบลุ้นพื้นที่ยุโรป และใน เอฟเอ คัพ ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่มีเกมเยือน สโต๊ค ซิตี้ รออยู่
"เรากำลังไปได้สวย เราอยู่ในสถานะที่ดี ตอนนี้เราต้องรักษาผลงานต่อไป"
"มันยอดเยี่ยมเสมอเมื่อคุณคว้าชัยชนะ แต่เราไม่อาจเสียสมาธิ เรามีทีมที่ดี การผสมผสานของนักเตะหนุ่มกับตัวเก๋า นั่นช่วยเราในการควบคุมสถานการณ์ได้"
เป้าหมายของ แลมพ์ตีย์ คือการพัฒนาฝีเท้าตัวเองต่อไป เพื่อรักษาตำแหน่งตัวจริงในทีม ไบรท์ตัน
"สำหรับผมแล้ว ผมแค่พยายามเป็นนักเตะในแบบที่ผมรู้ว่าผมเป็นได้ ผมรู้สึกว่านี่เพิ่งเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หวังว่าผมจะต่อยอดและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
"ผมอยากลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมต้องการผม ผมพร้อมเสมอ"