ซีซั่น 2022-23 ได้ทำลายสถิติบางอย่างของพรีเมียร์ลีก นั่นคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม
การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมที่กลายเป็นสถิติใหม่ 13 รายในฤดูกาลนี้ โดย 12 รายเป็นการโดนไล่ออก และยังไม่รู้ว่าจะมีเพิ่มอีกหรือไม่ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของฤดูกาล
นอกจาก เชลซี ที่ปลดกุนซือสองครั้ง โธมัส ทูเคิ่ล กับ แกรม พ็อตเตอร์ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ปลด อันโตนิโอ คอนเต้ แล้ว ที่เหลือล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงของทีมที่อยู่โซนท้ายตารางด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าการเปลี่ยนโค้ชแล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่บอร์ดบริหารของหลายสโมสรไม่ต้องการเสี่ยงในฤดูกาลที่มีทีมลุ้นหนีตกชั้นมากถึง 9 คน เมื่อเปลี่ยนหน้าปฏิทินเข้าสู่เดือนเมษายน
ปกติแล้ว เมื่อเข้าสู่ช่วงสองเดือนสุดท้ายของฤดูกาล เรามักได้เห็นทีมที่คอนเฟิร์มตกชั้นกันบ้างแล้ว หรือไม่ก็ถูกทิ้งขาดจนไม่มีลุ้นแน่ๆ แต่เวลานี้ทีมบ๊วย เซาธ์แฮมป์ตัน ยังตามพื้นที่ปลอดภัยแค่ 4 แต้ม และทีมอันดับ 12 คริสตัล พาเลซ ก็อยู่เหนือโซนตกชั้นแค่ 3 คะแนน
หาก เซาธ์แฮมป์ตัน คว้าชัยชนะสองเกมติดต่อกัน ก็สามารถถีบตัวเองขึ้นมาอยู่ในพื้นที่สีขาวได้เลย
หรือถ้า คริสตัล พาเลซ แพ้สักสองเกมติด ก็มีโอกาสหล่นมาอยู่ในโซนแดงได้ง่ายๆ
การลุ้นหนีตกชั้นในช่วงสองเดือนสุดท้ายของซีซั่น 2022-23 จึงดูน่าสนุกตื่นเต้นมากกว่าการลุ้นซีกบนของตารางเสียอีก
เมื่อดูจากโปรแกรมการแข่งขันใน 9 เกมสุดท้าย (ยกเว้น เวสต์แฮม ที่มีเกมตกค้าง) ยังไม่อาจวัดได้ว่าทีมใดโปรแกรมหนักหรือโปรแกรมเบากว่ากัน
เพราะบางทีการเจอทีมหนีตายด้วยกันเองนี่แหละ อาจเป็นโปรแกรมที่หนักกว่าการเจอทีมหัวตารางเสียอีก
และปัจจัยที่อาจสร้างความได้เปรียบไม่มากก็น้อย อาจอยู่ที่ว่าทีมใดเหลือโปรแกรมในบ้านมากกว่ากัน แค่เกมเดียวก็มีผลมหาศาลต่อการอยู่รอด หรือตกชั้น
มีการเปิดเผยตัวเลขการคว้าชัยชนะของเจ้าบ้านในฤดูกาลนี้ที่สูงขึ้นกว่า 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา และมีโอกาสที่ตัวเลขจะสูงขึ้นอีก เพราะซีซั่นยังเหลืออีกราวๆ สองเดือน
ค่าเฉลี่ยการยิงประตูในบ้าน หรือตัวเลขประตูได้เสียของทีมเจ้าบ้าน ต่างพุ่งพรวดขึ้นมาเช่นกันในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม ซีซั่นนี้มีเพียงสองทีมที่ผลงานในบ้านตกต่ำอย่างน่าใจหาย นั่นคือ เซาธ์แฮมป์ตัน กับ เลสเตอร์ ที่เก็บแต้มได้น้อยกว่าทีมอื่นๆ มาก
นี่เองที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน เปลี่ยนผู้จัดการทีมไปแล้วสองคน และ เลสเตอร์ กลั้นใจปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แม้รู้ดีว่ามีความเสี่ยงที่สถานการณ์อาจแย่ลง
ถ้าไม่นับ บอร์นมัธ ที่เปลี่ยนโค้ชจาก สกอตต์ พาร์คเกอร์ มาเป็น แกรี่ โอนีล ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล มีเพียง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่ยังยืนยันยึดมั่น เดวิด มอยส์ กับ สตีฟ คูเปอร์ ไม่เปลี่ยน
แต่เมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ มีแววโดนไล่ออกสูง ต่อให้พาทีมอยู่รอดปลอดภัยได้ก็ตาม
สถานการณ์การลุ้นหนีตกชั้นของพรีเมียร์ลีกในช่วงสองเดือนสุดท้ายจึงน่าติดตามอย่างมาก เมื่อมีถึง 9 ตัวละครที่เข้ามาพัวพันกันอยู่ ในแต่ละสัปดาห์ จึงมีเกมที่ต้องพบกันเองอย่างน้อย 1-2 คู่แน่นอน
บางทีเราอาจได้เห็นสโมสรดังโบกมือลาพรีเมียร์ลีกในปีนี้ก็เป็นได้
