การเฉลิมฉลองสคูเด็ตโต้สมัยที่สาม และเป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปีของ นาโปลี ดำเนินไปท่ามกลางรอยร้าวที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในสโมสร
ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง เอาเรลิโอ เด เลาเรนติส ประธานสโมสร กับ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เทรนเนอร์ ถูกพูดถึงอย่างหนาหู หลังจาก นาโปลี ยืนยันการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2022-23 ได้เพียงไม่กี่วัน
ความสำเร็จของ สปัลเล็ตติ ในการปลุกปั้น นาโปลี ปีที่สอง ทำให้ เด เลาเรนติส ไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งเทรนเนอร์เกิดขึ้นในฤดูกาลหน้า หากแต่สัญญาที่เซ็นกันเอาไว้ระยะเวลาสองปี กำลังจะหมดอายุลงในช่วงซัมเมอร์นี้พอดี
นี่คือจุดเริ่มต้นของรอยร้าวระหว่าง เด เลาเรนติส กับ สปัลเล็ตติ
เนื่องด้วยสัญญาของ สปัลเล็ตติ ที่เซ็นกับ นาโปลี เมื่อปี 2021 มีอายุสัญญาระยะเวลาสองปี และมีเงื่อนไขต่ออายุสัญญาอีก 1 ปี ที่ทำให้ เด เลาเรนติส ยังสามารถอุ่นใจได้
สปัลเล็ตติ เองก็ไม่มีความคิดที่จะอำลาสโมสรที่เพิ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แบบทันทีทันใด เพียงแต่เขาต้องการนั่งคุยกับประธาน เด เลาเรนติส เรื่องข้อตกลงและรายละเอียดของสัญญาฉบับใหม่
สัญญาปัจจุบันของ สปัลเล็ตติ รับค่าจ้างอยู่เพียง 3 ล้านยูโรต่อปีเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับเทรนเนอร์ทีมคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น ซิโมเน่ อินซากี้ ของ อินเตอร์ มิลาน, สเตฟาโน่ ปิโอลี่ ของ เอซี มิลาน และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ของ ยูเวนตุส
พูดง่ายๆ คือ สปัลเล็ตติ ต้องการสัญญาฉบับใหม่จาก เด เลาเรนติส เพื่อปรับปรุงรายละเอียดหลายๆ อย่างในสัญญา หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มตัวเลขค่าจ้าง หรือขึ้นเงินเดือนให้สมน้ำสมเนื้อ เป็นรางวัลตอบแทนผลงาน
แต่สิ่งที่ เด เลาเรนติส ได้ดำเนินการคือการใช้เงื่อนไขต่ออายุสัญญาปัจจุบันที่มีอยู่ เพิ่มไปอีกหนึ่งฤดูกาล
สปัลเล็ตติ ไม่ได้รับแจ้งเรื่องนี้จาก เด เลาเรนติส โดยตรง มาทราบจากหนังสือแจ้งของทางสโมสร นั่นทำให้เทรนเนอร์วัย 64 ปีเสียความรู้สึกอย่างมาก
ภาพที่ สปัลเล็ตติ คิดเอาไว้ในหัวคือการนั่งพูดคุยกับ เด เลาเรนติส แบบตัวต่อตัวเรื่องสัญญาฉบับใหม่ หรือจะขอใช้เงื่อนไขต่ออายุสัญญาปัจจุบันไปก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องสัญญาใหม่ยังไงก็ว่ากัน
แต่ไม่ใช่การดำเนินการลับหลัง แล้วส่งหนังสือแจ้งมาแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพียงการสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก สิ่งต่างๆ ยังมีเวลาให้ได้แก้ไข และทั้งสองฝ่ายก็ยังมีเวลาในการปรับความเข้าใจ
ถึงตอนนี้ขึ้นอยู่กับ เด เลาเรนติส แล้วว่าจะใช้ช่วงเวลาปิดฤดูกาลให้เกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน
เพราะผลงานและความสำเร็จของ นาโปลี ที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2022-23 ยังไงก็ต้องยกความดีความชอบให้กับเทรนเนอร์ สปัลเล็ตติ เกินครึ่ง
