ซีซั่น 2022-23 คือฝันร้ายของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรอบหลายปี และเชื่อว่าหนึ่งในสิ่งที่แฟนๆ ไม่อยากเห็นอีก นั่นก็คือระบบ 'หลังสาม'
อันที่จริง ระบบ 3-4-3 ที่ผู้จัดการทีมคนก่อน อันโตนิโอ คอนเต้ นำเข้ามาใช้ในฤดูกาล 2021-22 ก็เป็นรูปแบบการเล่นที่ไม่เลวทีเดียว เมื่อวัดจากผลงานตอนจบซีซั่นที่คว้าตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
แต่ซีซั่นถัดมา เมื่อระบบกองหลังสามคนไม่เวิร์คหลายๆ เกมเข้า คอนเต้ ก็ยังยึดมั่นและไม่คิดเปลี่ยนแปลง แถมบางเกมที่มีปัญหาสภาพทีมยังปรับมาเล่น 3-5-2 โดยอัดกองกลางตัวรับเข้าไปพร้อมกันสามคน เท่ากับว่าจากรายชื่อสิบเอ็ดตัวจริง มีตัวรุกเพียงสองคนเท่านั้น
นั่นคือเรื่องที่แฟนๆ ท็อตแน่ม อึดอัด และเกินจะทนไหว
และแม้ คอนเต้ จากไปในช่วงท้ายซีซั่น แต่กุนซือขัดตาทัพทั้ง คริสเตียน สเตลลินี่ และ ไรอัน เมสัน ก็ยังไม่สามารถสลัดรูปแบบการเล่นของโค้ชชาวอิตาเลียนออกไปได้
แฟนๆ ท็อตแน่ม จึงหวังลบภาพเก่าๆ และเริ่มต้นใหม่กับ อันเก้ ปอสเตโคกลู ในฤดูกาล 2023-24
ตอนนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่า ปอสเตโคกลู จะวางระบบการเล่นแบบไหนให้กับ ท็อตแน่ม
แต่ถ้าให้คาดการณ์ก็ต้องยึดระบบการเล่นเดิมที่ประสบความสำเร็จกับ เซลติก นั่นก็คือ 4-3-3
นี่คือระบบการเล่นที่ ปอสเตโคกลู ทำให้ เซลติก ครองแชมป์ 5 โทรฟี่ในสองฤดูกาล จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ท็อตแน่ม น่าจะเปลี่ยนโฉมทีมกลายเป็น 4-3-3
คำถามแรกของแฟนๆ ท็อตแน่ม ตอนนี้คงจะเป็น "แล้ว เจมส์ แมดดิสัน จะเล่นตรงไหน?"
มีความเป็นไปได้ที่ แมดดิสัน จะถูกจับวางเป็นหนึ่งในสามแดนกลาง มากกว่าที่จะเป็นหนึ่งในสามตัวรุก
เป็นคนเดียวในแดนกลางที่จะมีอิสระในการปั้นเกม ขณะที่ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก กับ โรดรีโก้ เบนตานกูร์ มีบทบาทในเกมรับ หรือการตัดเกม ทำลายเกมมากกว่า
หรือบางทีอาจเรียกว่าเป็นระบบการเล่น 4-2-3-1 ก็ได้ เพราะเรื่องฟอร์เมชั่นสามารถยืดหยุ่นได้เสมอ
ส่วนประเด็นใหญ่ที่ยังมาไม่ถึง นั่นคือการย้ายทีมของ แฮร์รี่ เคน
ก่อนหน้านี้ สื่อทั้งอังกฤษและสกอตแลนด์ คาดการณ์ว่า ปอสเตโคกลู อาจดึง เคียวโกะ ฟูรูฮาชิ ตามมาร่วมงานกันด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เชื่อว่ากองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นอาจไม่ใช่เป้าหมาย
ซน ฮึง-มิน กับ เดยัน คูลูเซฟสกี้ จะถูกวางเป็นกองหน้าริมเส้นสองฝั่ง เหมือนอย่างที่ ปอสเตโคกลู เคยใช้งาน ไดเซน มาเอดะ กับ โชต้า ที่ เซลติก
ก็เหลือเพียงศูนย์หน้าตัวเป้าว่าจะหาตัวแทน เคน ได้ดีแค่ไหน บางทีอาจไม่ต้องซื้อใหม่ เพราะมี ริชาร์ลีซอน อยู่ในมือ รอแค่ปรับตัวได้เมื่อไหร่ ประตูก็น่าจะไหลมาเทมา
ตำแหน่งในแนวรับก็อาจยึดหน้าเดิมๆ เป็นแกนหลัก เปโดร ปอร์โร่ จะต้องขยับจากวิงแบ็กลงมาเป็นฟูลแบ็กขวาเต็มตัว ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเคยเล่นอยู่แล้ว
ฝั่งซ้ายจะมีตัวใหม่ เดสตินี่ อูโดกี ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว พร้อมเป็นตัวเลือก ที่น่าจะเหนือกว่า ไรอัน เซสเซยง กับ เซร์คิโอ เรกีลอน ในเรื่องความแข็งแกร่ง
ขณะที่ผู้รักษาประตู กูเยลโม่ วิคาริโอ ตัวใหม่ ก็เข้ามาเติมเต็ม และรอการอำลาของกัปตัน อูโก้ โยริส
นอกจากการเสริมทัพเพิ่มเติมอีก ปอสเตโคกลู ยังต้องจัดการอีกด้วยว่าจะเอาอย่างไรกับบรรดานักเตะที่หมดสัญญายืมตัวกลับมา ไม่ว่าจะเป็น เซร์คิโอ เรกีลอน, โจ โรดอน, เจด สเปนซ์, โจวานี่ โล เซลโซ่, ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่, ไบรอัน คีล
บางทีเรื่องนี้อาจสำคัญมากกว่าการเสริมทัพด้วยซ้ำ