ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่า การเห็นทีมรักแพ้สามเกมแรกของพรีเมียร์ลีกซีซั่นใหม่ ชนิดที่ควานหาประตูแรกไม่เจอ
นั่นคือสิ่งที่แฟนๆ เอฟเวอร์ตัน กำลังเผชิญอยู่ การแพ้คารัง กูดิสัน พาร์ค ต่อทีมในระดับใกล้เคียงกันอย่าง ฟูแล่ม กับ วูลฟ์แฮมป์ตัน ด้วยสกอร์ 0-1 ทั้งสองเกม
และเกมเยือน แอสตัน วิลล่า ที่แพ้ 0-4 ชนิดที่รูปเกมของ เอฟเวอร์ตัน ก็ไม่มีอะไรจะไปสู้เจ้าบ้านได้เลย
การขาดแคลนศูนย์หน้าคือปัญหาสำคัญที่สุดของผู้จัดการทีม ชอน ไดช์ และที่ผ่านมาสโมสรก็ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ปัญหาการเงินส่งผลต่อการเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ และ 4 คนแรกที่ย้ายเข้ามา มีเพียง ยุสเซฟ เชอร์มีตี ที่เป็นศูนย์หน้าแท้ๆ
แต่แฟนๆ ทอฟฟี่ สามารถฝากความหวังกับดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่ประสบการณ์น้อย และยังต้องการเวลาปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (งั้นเหรอ?)
นั่นคือเหตุผลสำคัญที่บอร์ดบริหารของ เอฟเวอร์ตัน ต้องกัดฟันจ่ายเงินก้อนใหญ่ 25.8 ล้านปอนด์ หรือตัวเลขกลมๆ 30 ล้านยูโรให้กับ อูดิเนเซ่ เพื่อ เบโต้
เชื่อว่าแฟนๆ จำนวนไม่น้อยที่เป็นห่วงกับการเสริมทัพแต่ละครั้ง จากประวัติที่ผ่านมาที่มักไม่ประสบความสำเร็จ และสูญเงินจำนวนมหาศาลไปอย่างเปล่าประโยชน์
แฟนๆ บางคนอาจจะยิ่งส่ายหน้า เมื่อเข้าไปเช็กประวัติคร่าวๆ เบโต้ เพิ่งย้ายจาก ปอร์ติโมเนนเซ่ มาอยู่กับ อูดิเนเซ่ เมื่อปี 2021 สองฤดูกาลในอิตาลี ยิงไป 22 ประตูจาก 65 เกม
และที่สะดุดตาคือ เบโต้ ยังไม่เคยเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสทุกชุด มีเพียงการถูกเรียกตัวติดทีมชุดเบื้องต้น 55 คนสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2022 แต่ท้ายสุดแล้วก็ถูกตัดตัวทิ้ง
แล้วอะไรที่ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ถึงกล้าเสี่ยง?
ศูนย์หน้าวัย 25 ปี มีส่วนสูงถึง 194 เซนติเมตร หรือ 6 ฟุต 4 นิ้ว มีความแข็งแกร่ง มีความเร็ว มีลูกกลางอากาศที่ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่น่าจะเหมาะกับการเล่นพรีเมียร์ลีก
เบโต้ เซ็นสัญญา 4 ปี และเปิดตัวกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันอังคาร จากนั้นก็ถูกใส่ชื่อเป็นตัวสำรองในเกมคาราบาวคัพ รอบสอง ที่บุกเยือน ดอนคาสเตอร์ ทีมระดับลีกทู ในวันพุธ
และบทละครก็ขีดเขียนให้ เบโต้ กลายเป็นพระเอก
เบโต้ ถูกส่งลงสนามแทน เชอร์มีตี ในครึ่งหลัง และใช้ความเร็วหลุดเข้าไปยิงตีเสมอ 1-1 จากนั้นยังเกือบทำอีกประตูแซงด้วย น่าเสียดายที่ลูกโหม่งเต็มศีรษะไปชนเสาเสียงดังสนั่น
ชัยชนะ 2-1 ที่บ้าน ดอนคาสเตอร์ แม้จะเป็นแค่บอลถ้วย แต่สามารถเรียกความมั่นใจให้กับ เอฟเวอร์ตัน ให้กับ ไดช์ และที่สำคัญที่สุด ให้กับ เบโต้
"มันสุดยอดไปเลยสำหรับผม ว้าว! ผมเพิ่งย้ายมาเอง นี่คือเกมแรกของผม และพวกเขาก็ร้อง เบโต้ เบโต้ เบโต้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ผมอยากรับปากกับพวกเขาว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อพาทีมให้สูงขึ้น"
"ผมไม่อาจรับปากเรื่องจำนวนประตูได้ แต่ผมขอให้คำมั่นเรื่องความพยายาม นั่นคืออาวุธหลักของผม"
จากประตูแรกในเกมประเดิมสนาม ทำให้ เบโต้ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำได้ ต่อจาก ริชาร์ลีซอน ที่เปิดตัวและยิง วูลฟ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2018
และตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของเกมที่ อีโค-พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ก็ไม่มีใครพรากไปจาก เบโต้ เจ้าของเสื้อหมายเลข 14 คนใหม่ได้