การประเดิมสนามกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ หนึ่งวันก่อนฉลองวันเกิดอายุครบ 19 ปี ไม่มีอะไรที่วิเศษไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับ ริโก้ ลูอิส
ลูอิส ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพียงแค่ซีซั่นแรกก็ได้สัมผัสสามแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากการมีส่วนร่วม 23 เกมรวมทุกรายการ
และการลงสนามต่อเนื่องอีก 10 เกมในช่วงต้นฤดูกาล 2023-24 ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของเขาถูกเลือกโดย แกเร็ธ เซาธ์เกต เพื่อแก้ปัญหาแนวรับของทีมชาติอังกฤษที่กำลังประสบอยู่
อังกฤษ มีปัญหาขาดแคลนแบ็กซ้ายมาอย่างต่อเนื่อง และแม้การถอนตัวของ เจมส์ แมดดิสัน, คัลลัม วิลสัน และ ลูอิส ดังค์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ เซาธ์เกต ก็อาศัยจังหวะนี้เรียกตัว ลูอิส เป็นหนึ่งในสามนักเตะร่วมกับ โคล พาลเมอร์ และ เอซรี่ คอนซ่า เข้ามาเสียบแทน
ปี 2023 จึงเป็นปีแห่งความฝันของ ลูอิส เพราะนอกจากความสำเร็จกับสโมสรแล้ว ในนามทีมชาติ เพิ่งก้าวขึ้นติดทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปีในปีนี้ ก่อนทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างไม่คาดฝัน
แม้ ลูอิส ก้าวเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในฐานะตัวเรียกมาเสริม แต่ เซาธ์เกต มอบโอกาสสำคัญให้ลงยืนแบ็กซ้ายในเกมกับ นอร์ธ มาเซโดเนีย วันที่ 20 พฤศจิกายน หนึ่งวันก่อนถึงวันเกิดอายุครบ 19 ปี
ลูอิส จึงกลายเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง 18 ปี 364 วัน ที่ได้ประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษ รองจาก ไมกาห์ ริชาร์ดส์ 18 ปี 144 วันที่ประเดิมทีมชาติเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2006
การประเดิมสนามย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา แต่เรื่องการปรับตัวคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีรุ่นพี่จากค่ายเดียวกันคอยดูแลอยู่ถึง 4 คน ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่รับบทกัปตันทีมชาติ, ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช และที่ม้านั่งสำรองก็มี คัลวิน ฟิลลิปส์ อีกคน
แม้ในเกมเป็นคนทำเสียจุดโทษ (แบบไม่สมควรเสีย) แต่ผลงานนอกเหนือจากนั้นของ ลูอิส ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนจบเกมพร้อมรางวัล 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' อย่างน่าทึ่ง
ลูอิส จึงกลายเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทีมเยาวชน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อจาก ฟิล โฟเด้น (ไม่นับ โคล พาลเมอร์ ที่ย้ายไป เชลซี เสียแล้ว)
ด้วยผลงานเช่นนี้ จึงมีการคาดการณ์ไปถึงศึกใหญ่ ยูโร 2024 ว่า ลูอิส มีโอกาสติดทีมไปเยอรมนีหรือไม่ เพราะดูเหมือนจังหวะเวลาจะเป็นใจให้เจ้าหนูวัย 19 ปีไม่น้อยทีเดียว