"เป็นเรื่องปกติ เขาต้องการลงเล่นมากขึ้น แต่ผมไม่ได้มอบสิ่งนั้นให้กับเขา นั่นเป็นเรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบ" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พูดถึง โคล พาลเมอร์
พาลเมอร์ เป็นชาวเมืองแมนเชสเตอร์โดยกำเนิด แม้เติบโตมาในฐานะแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เขาเข้าสู่ทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนอายุ 8 ขวบ และขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกลำดับขั้นของสโมสร
แววโดดเด่นเริ่มปรากฏ เมื่อก้าวขึ้นเป็นกัปตันทีมชุดยู-18 ในฤดูกาล 2019-20 นั่นคือจุดเริ่มที่ กวาร์ดิโอล่า เริ่มเรียกมาสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลถัดมา
แม้มีความคล้ายคลึงกับ ฟิล โฟเด้น รุ่นพี่ที่ กวาร์ดิโอล่า มอบโอกาสให้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ก่อนหน้าไม่นาน แต่จุดที่โดดเด่นกว่าของ พาลเมอร์ คือการจบสกอร์ ด้วยลูกยิงอันแม่นยำและทรงพลัง
พาลเมอร์ ได้โอกาสลงเล่นไป 25 เกมรวมทุกรายการในฤดูกาล 2022-23 มีส่วนร่วมกับสามแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ไม่มากนัก
ในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ปี 2023 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับข้อเสนอที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา 40 ล้านปอนด์ บวกส่วนเสริมอีก 2.5 ล้านปอนด์จาก เชลซี เป็นค่าตัวของตัวรุกที่ช่วงเวลานั้นยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากนัก
แน่นอน ข้อเสนอนี้มีตัวเลขที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปฏิเสธไม่ลง ขณะที่ เชลซี ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเช่นกัน
พาลเมอร์ เองก็ไม่มีทางล่วงรู้อนาคตว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะออกมาดีหรือร้าย แต่เขาเลือกที่จะเสี่ยง แม้ในใจลึกๆ ไม่เคยต้องการย้ายออกจากสโมสรที่อยู่มาตั้งแต่ยังเด็กก็ตาม
ในฤดูกาลที่มีหลากหลายอารมณ์คละเคล้ากันไป พาลเมอร์ คือคนที่แบกความหวังสูงสุดของ เชลซี เอาไว้ 22 ประตูจาก 33 เกมพรีเมียร์ลีก และเป็น 25 ประตูจาก 45 เกมรวมทุกรายการ เป็นตัวเลขการทำประตูที่น่าทึ่ง
กวาร์ดิโอล่า เข้าใจดีถึงความต้องการของ พาลเมอร์ และขอเป็นคนรับผิดชอบต่อการย้ายทีมครั้งนี้ด้วยตัวเอง
"สำหรับนักเตะหนุ่ม เราต้องการให้พวกเขาอยู่ต่อเสมอ แต่นี่เป็นเรื่องปกติ หลังจากสองหรือสามฤดูกาล เขาต้องการลงสนามมากขึ้นกว่าที่เขาได้รับซีซั่นก่อน ผมเข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ"
"ถ้า พาลเมอร์ ได้โอกาสลงสนามแบบที่ผมมอบให้ ฟิล โฟเด้น ในช่วงแรก โคล พาลเมอร์ ก็คงอยู่ที่นี่ แต่ผมไม่ได้มอบสิ่งนั้นให้กับเขา นั่นคือเรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบ"
"หลังจากหนึ่งฤดูกาล สองฤดูกาล ก็ยังดูดี แต่พอฤดูกาลที่สามก็เริ่มจะ "โอ้ ผมอยากลงเล่น ผมไม่อยากนั่งสำรอง" มันเป็นเรื่องปกติ เราเข้าใจดีในฐานะสโมสร"
"เราได้รับข้อเสนอจากสโมสรชั้นนำอย่าง เชลซี และผมก็มีดีใจกับเขาด้วยจริงๆ ทุกๆ สโมสรเรื่องราวแบบนี้ล้วนเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว"
พาลเมอร์ แสดงให้เห็นว่าผลงานที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2023-24 ไม่ใช่เรื่องฟลุค เขาจัดการยิง 6 ประตูจาก 6 เกมแรกพรีเมียร์ลีก เป็น 4 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน 4-2
กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิง 4 ประตูในครึ่งเวลาแรก
กลายเป็นผู้เล่น เชลซี ที่ยิงแฮตทริกเร็วที่สุดในเวลา 9 นาที กับ 48 วินาที
ยิง 4 ประตูในเวลา 19 นาที กับ 57 วินาที มีเพียง เจอร์เดน เดโฟ คนเดียวที่ใช้เวลาน้อยกว่าในปี 2009
ยิงแฮตทริกที่สามในพรีเมียร์ลีกให้กับ เชลซี เป็นคนที่สามที่ทำได้ต่อจาก จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ยิงจุดโทษ 10 หนแรกกับ เชลซี เข้าหมด เป็นคนแรกที่ทำได้ต่อจาก ฮัสเซลเบงค์ ที่ทำเอาไว้ 12 ครั้งแรก
มีส่วนร่วมถึง 43 ประตู (28 ประตู กับ 15 แอสซิสต์) ในพรีเมียร์ลีก เป็นตัวเลขสูงสุดในบรรดาผู้เล่นทุกคน นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2023-24 เป็นต้นมา
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ค่าตัวรวม 42.5 ล้านปอนด์ที่ เชลซี จ่ายไป ใกล้คุ้มทุนเร็วเกินคาด และเป็นการสูญเสียเพชรเม็ดงามสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างแท้จริง
หากตอนนั้น เป๊ป ตัดสินใจขาย แบร์นาร์โด้ ซิลวา ออกไป พาลเมอร์ ก็อาจก้าวขึ้นเป็นตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเต็มตัวในตอนนี้
แต่สำหรับ พาลเมอร์ เปล่าประโยชน์ที่จะย้อนนึกถึงอดีต เพราะตอนนี้มีแต่การมองไปที่อนาคตกับต้นสังกัด เชลซี และทีมชาติอังกฤษ
