"ไอ้งั่งเอ้ย!" เควิน เดอ บรอยน์ เคยตบะแตกใส่นักข่าว เมื่อถูกถามเรื่อง 'โกลเด้น เจเนเรชั่น' หลังตกรอบยูโร 2024
เบลเยียม จัดเป็นหนึ่งในทีมชาติแถวหน้าของยุโรป ที่ต้องเผชิญช่วงเวลาเลวร้าย ไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายถึง 5 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน ตั้งแต่ยูโร 2004, เวิลด์คัพ 2006, ยูโร 2008, เวิลด์คัพ 2010 และยูโร 2012
การกลับมาในฟุตบอลโลก 2014 เบลเยียม มีกลุ่มผู้เล่นสายเลือดใหม่ นำโดย เอแดน อาซาร์, โรเมลู ลูกากู, ตีโบต์ กูร์กตัวส์ และ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นต้น และถูกมองว่ากำลังกลับสู่ 'โกลเด้น เจเนเรชั่น' หรือยุคทองอีกครั้ง
เดอะ เร้ด เดวิลส์ แห่งยุโรป ไม่เคยพลาดทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายอีกเลย ตั้งแต่เวิลด์คัพ 2014, ยูโร 2016, เวิลด์คัพ 2018, ยูโร 2020, เวิลด์คัพ 2022 และยูโร 2024
จาก 6 ทัวร์นาเมนต์ ผลงานที่ดีที่สุดคือ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ เบลเยียม จบอันดับสาม และการไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2014, ยูโร 2016 และยูโร 2020
จุดเด่นของ เบลเยียม ในช่วงเวลานั้นคือเกมรุกที่จัดจ้าน อาซาร์, ลูกากู, เดอ บรอยน์ พัฒนาฝีเท้าและมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ความน่ากังวลอยู่ที่การขาดสายเลือดใหม่เข้ามาสู่ทีมในระยะยาว
ดาวรุ่งหลายคนถูกมองว่าจะเป็นอนาคต แต่ไม่กี่ปีผ่านไป ก็ไม่สามารถยืนระยะได้
สัญญาณดังกล่าวเริ่มดังขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 ที่ตกรอบแรก และในยูโร 2024 ก็เกือบจะจอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเช่นกัน สุดท้ายแล้วก็กระเสือกกระสนเข้าไปตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ภายหลังจบเกมที่แพ้ ฝรั่งเศส 0-1 ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ ดังนั้นเมื่อ เดอ บรอยน์ ถูกถามถึงเรื่องบางอย่าง จึงยากที่จะควบคุมสติอารมณ์ตัวเอง
นักข่าว : "มันน่าเจ็บปวดมั้ย ที่ยุคทองของ เบลเยียม ไม่เคยผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เลย?"
'เคดีบี' : "ยุคทองคืออะไร?"
นักข่าว : (ก็ยุคทอง) ของพวกคุณไง
'เคดีบี' : งั้นคุณจะบอกว่า ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน และ เยอรมนี ไม่ใช่ยุคทองเหรอไง โอเค ขอบคุณ
จากนั้น เดอ บรอยน์ ก็ลุกพรวดออกไปทันที พร้อมหลุดปากว่า "ไอ้งั่งเอ้ย" จนกลายเป็นประเด็นอยู่พักหนึ่ง
เดอ บรอยน์ อาจจะรับไม่ได้กับคำถามสะกิดใจในช่วงเวลาที่ไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ แต่ไม่อาจปฏิเสธว่า เบลเยียม ที่หมดยุคทองไปแบบไร้ความสำเร็จ คือเรื่องจริง
เดอ บรอยน์ ยิงใส่ บราซิล พา เบลเยียม เข้าสู่รอบรองฯ ฟุตบอลโลก 2018
ปัจจุบัน เดอ บรอยน์ ในวัย 33 ปี มองเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในทีมชาติ ท่ามกลางผู้เล่นหลากหลายเชื้อชาติที่ผ่านเข้ามา และบางคนก็อาจผ่านไป
มีเพียง ลูกากู ในวัย 31 ปี ที่ยังยืนหยัดอยู่ในทีมร่วมกัน ขณะที่ กูร์กตัวส์ ไม่ขอร่วมงานกับเฮดโค้ช โดเมนิโก้ เทเดสโก้ อีกต่อไป
นอกจากหมดยุคทอง และสายเลือดใหม่ของ เบลเยียม ยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นผู้เล่นเกรดเอแล้ว ปัญหาภายในทีมก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญ
เทเดสโก้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่เหมาะสมสำหรับ เบลเยียม
เดิมที เทเดสโก้ เซ็นสัญญากับสหพันธ์ฟุตบอลเบลเยียมจนจบยูโร 2024 แต่น่าแปลกตรงก่อนทัวร์นาเมนต์ที่เยอรมนีเริ่มต้นสามเดือน สหพันธ์ฯ ได้ต่อสัญญากับโค้ชสายเลือดอิตาเลียนออกไปจนจบฟุตบอลโลก 2026
และเมื่อผลงานในยูโร 2024 ออกมาน่าผิดหวัง จึงมีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นทันทีว่า เวิลด์คัพ 2026 จะเป็นอย่างไร? แต่ก่อนจะนึกถึงจุดนั้น ต้องเริ่มต้นจากรอบคัดเลือกให้ได้เสียก่อน
รูปแบบการเล่นที่เชื่องช้า ขาดการเคลื่อนไหว และที่สำคัญที่สุดคือขาดความกระหายในชัยชนะ นี่คือสิ่งที่ เบลเยียม ยังคงแสดงให้เห็นต่อเนื่องในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ ฤดูกาล 2024-25
4 เกมใหญ่ที่เผชิญหน้ากับ อิตาลี และ ฝรั่งเศส ในกลุ่ม 2 เบลเยียม ถูกลดระดับลงไป เมื่อดูจากรูปเกมและผลการแข่งขันที่แพ้ ฝรั่งเศส 0-2 (เยือน), เสมอ อิตาลี 2-2 (เยือน), แพ้ ฝรั่งเศส 1-2 (เหย้า), แพ้ อิตาลี 0-1 (เหย้า)
หลังจากนี้ เทเดสโก้ จะต้องปลุกทีมและซื้อใจผู้เล่นให้ได้ บทพิสูจน์สำคัญอยู่ที่ รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะเริ่มต้นในเดือนมีนาคม ปี 2025
และหวังว่าสายเลือดใหม่อย่าง โลอิส โอเปนด้า, โยฮัน บากาโยโก้, อามาดู โอนาน่า, โรเมโอ ลาเวีย และอีกหลายต่อหลายคน จะระเบิดฟอร์มกับทีมชาติได้เหมือนกับสโมสร