ทำไม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงไม่สร้างจังหวะยิงประตูให้มากพอ แต่เลือกที่จะผ่านบอลไปมารอบๆ กรอบเขตโทษของคู่แข่ง?
คำถามจากนักข่าวรายหนึ่ง หลังจบเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ยูเวนตุส 0-2 ที่ อัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม น่าจะตรงใจแฟนบอลหลายคน และแน่นอน เป็นคำถามที่สะกิดใจ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
นี่คือหนึ่งในปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาย่ำแย่ แพ้ถึง 7 เกมจาก 10 เกมรวมทุกรายการ
"คุณพูดถูก เราต้องพยายามสร้างโอกาสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์แบบนั้น แล้วคุณคิดว่าเราไม่อยากยิงประตูเหรอ?" เป๊ป ตอบคำถามแบบเก็บอารมณ์เต็มที่
นี่คือปรัชญาของ กวาร์ดิโอล่า สไตล์การทำทีมของ กวาร์ดิโอล่า ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด ตั้งแต่คุมทัพ บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เป๊ป ประสบความสำเร็จร่วมกับสามสโมสรแห่งนี้มาอย่างล้นหลาม ดังนั้นในช่วงเวลาที่ตกต่ำ ทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางของตัวเอง?
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2011-12 หนึ่งในเกมที่ปักอยู่ในใจของ กวาร์ดิโอล่า คือเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ที่ บาร์เซโลน่า พบกับ เชลซี
บาร์ซ่า ของ เป๊ป ในช่วงเวลานั้น มี ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเกตส์ และ อันเดรส อีเนียสต้า เป็นสามประสานแดนกลาง และแนวรุก ลีโอเนล เมสซี่ เป็นหัวใจสำคัญร่วมกับ อเล็กซิส ซานเชซ
เมสซี่ ยิงไปถึง 14 ประตูก่อนถึงรอบรองชนะเลิศ เป็นฤดูกาลที่ทำลายสถิติต่างๆ และเป็นปีที่กองหน้าอาร์เจนไตน์ยิงประตูได้มากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง
แต่ไม่ใช่การเผชิญหน้ากับ เชลซี
บาร์เซโลน่า ชนะขาดลอยในเรื่องการครองบอล และสถิติต่างๆ ในเกม แต่ เชลซี สวนเปรี้ยงเดียวเป็นประตูชัยของ ดีดีเย่ร์ ดร็อกบา ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ เป๊ป และลูกทีม คงไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เพราะตามแค่ประตูเดียว เชื่อว่าจะพลิกสถานการณ์ได้สบายๆ
เกมที่ คัมป์ นู เป็นไปตามคาด บาร์ซ่า ครองบอลฝ่ายเดียว ยิงสองประตูในนาที 35 และ 43 จาก บุสเกตส์ และ อีเนียสต้า แถม จอห์น เทอร์รี่ มาโดนใบแดงนาที 37 ไปอีก
แต่ก่อนจบครึ่งแรก ความผิดพลาดนิดเดียวทำให้ เชลซี ยิงไล่มา 1-2 และประตูนี้เองคือ อเวย์โกล
ครึ่งหลัง บาร์ซ่า จึงต้องกลับมาบุกเพื่อยิงประตูเพิ่ม และไม่แปลกที่ เชลซี 10 คน จะลงไปตั้งรับทั้งทีม
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ถอยแผงหลัง 4 คนเข้าไปยืนในกรอบโทษ และแดนกลาง 4 คนตั้งด่านหน้ากรอบโทษ
สิ่งที่ได้เห็นคือ บาร์เซโลน่า เคาะบอลไปมาทุกด้านของกรอบเขตโทษ พยายามหาช่องเจาะเข้าทำให้ได้ เมสซี่ มีโอกาสแต่โชคร้ายพลาดจุดโทษ และอีกครั้งยิงไปชนเสา
ที่น่าอึดอัดสำหรับแฟนๆ บาร์ซ่า คือไม่มีการยิงไกลจากนอกกรอบโทษ ไม่มีการครอสบอลจากริมเส้น แม้ เชลซี เปิดช่องให้สับไกจากระยะ 25 หลาได้เลย
สุดท้ายมาโดน เฟร์นานโด ตอร์เรส สวนกลับตูมเดียวตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นหนึ่งในเกมระดับตำนานของ เชลซี
ภายหลังจบเกม กวาร์ดิโอล่า ต้องตอบคำถามเรื่องแนวทางการเล่น ที่ไม่มีการเสี่ยงเพื่อลุ้นทำประตูมากพอ
เป๊ป ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเจาะคู่แข่งที่ตั้งรับทั้งทีม คล้ายคลึงกับตอนที่ บาร์ซ่า แพ้ อินเตอร์ ตกรอบเดียวกันนี้เมื่อสองปีก่อนหน้านั้น
แม้ลูกทีมพลาดโอกาสสำคัญไปหลายครั้งตลอด 180 นาทีของทั้งสองเกม แต่จะไม่ตำหนิลูกทีม และที่สำคัญที่สุด จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่น
เวลาผ่านเลยไปหนึ่งทศวรรษ เราได้เห็น กวาร์ดิโอล่า พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และครองความยิ่งใหญ่ต่างๆ มากมาย ด้วยปรัชญาการทำทีมแบบเดิม รูปแบบการเล่นเดิม
ทุกคนทึ่งกับความไร้เทียมทานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่มาถึงวันนี้ วันที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบปัญหาในการทำประตู จนส่งผลมาถึงผลงานในช่วง 10 เกมที่ผ่านมา หลายคนตั้งคำถามกับแนวทางการเล่นของ กวาร์ดิโอล่า
แต่คำตอบของ เป๊ป ก็ยังคงเหมือนเดิม และเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกลับมาได้