เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป ทราบดีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรกับ เอฟเวอร์ตัน หลังจากได้รับการอนุมัติการครอบครองสโมสรที่จ่ายไปมูลค่า 400 ล้านปอนด์
แดน ฟรีดกิ้น นักธุรกิจคนดังชาวอเมริกัน ผู้เป็นเจ้าของและซีอีโอแห่ง เดอะ ฟรีดกิ้น กรุ๊ป หลังจากเข้ามาสร้างชื่อในฟุตบอลลีกยุโรปด้วยการเทกโอเวอร์สโมสร โรม่า แห่งศึกเซเรียอา อิตาลี เมื่อปี 2020
เป้าหมายต่อไปที่ชัดเจนมาโดยตลอด นั่นก็คือการครอบครองสโมสรพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน คือสโมสรที่ ฟรีดกิ้น มองเห็นโอกาส และมีการเริ่มต้นหารือกับ ฟาร์ฮัด โมชิรี่ ในเดือนกรกฏาคม ปี 2024 แต่หนึ่งเดือนถัดมา ก็ล้มเลิกแผนการและความตั้งใจไป
หลังจากนั้น เอฟเวอร์ตัน ได้รับความสนใจจาก จอห์น เท็กซ์เตอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่ถือครองหุ้นสโมสร คริสตัล พาเลซ มากที่สุด 45 เปอร์เซนต์
ตามกฏแล้ว ไม่สามารถเป็นเจ้าของสองสโมสรพรีเมียร์ลีกในเวลาเดียวกัน และความพยายามในการขายหุ้น คริสตัล พาเลซ เพื่อไปลงทุนกับ เอฟเวอร์ตัน ถือเป็นความเสี่ยงที่สูงเกินไป แผนการของ เท็กซ์เตอร์ จึงพังลงเช่นกัน
ฟรีดกิ้น กลับมาเจรจากับ โมชิรี่ อีกครั้ง ครั้งนี้มีความจริงจังเพิ่มขึ้น และในที่สุดก็สามารถบรรลุข้อตกลงซื้อหุ้นจำนวน 94.1 เปอร์เซนต์ มูลค่ากว่า 400 ล้านปอนด์ได้ในเดือนกันยายน
การดำเนินการใช้เวลานานถึง 3 เดือนกว่าพรีเมียร์ลีกจะอนุมัติการเทกโอเวอร์สโมสรของ ฟรีดกิ้น
ฟรีดกิ้น รู้ดีว่าการซื้อกิจการสโมสร เอฟเวอร์ตัน ในช่วงเวลานี้มีความเสี่ยง เพราะสถานการณ์ที่ ชอน ไดช์ กำลังเผชิญอยู่ มีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก
ไดช์ ถูกพิจารณาอนาคตมาตั้งแต่เดือนกันยายนแล้ว สถานการณ์ทำท่าว่าจะดี หลังผ่าน 4 เกมในเดือนธันวาคมที่ชนะ วูล์ฟส์ 4-0 (เหย้า), เสมอ อาร์เซน่อล 0-0 (เยือน), เสมอ เชลซี 0-0 (เหย้า), เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เยือน)
แต่ผลงานที่ทำมากลับพังครืน หลังจากแพ้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-2 (เหย้า) และแพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เยือน)
นั่นทำให้ ฟรีดกิ้น ได้คำตอบเรื่องอนาคตของ ไดช์
การตัดสินใจของ ฟรีดกิ้น ต้องการลดความเสี่ยงให้มากที่สุด และบทสรุปก็คือ เดวิด มอยส์ เป็นการตัดสินใจที่คล้ายคลึงกับ โรม่า ที่ ฟรีดกิ้น เลือก เคลาดิโอ รานิเอรี่ กลับมาช่วยกอบกู้สโมสร
เรื่องประสบการณ์ถือว่าหายห่วง มอยส์ ผ่านการคุมทีม เอฟเวอร์ตัน มามากกว่า 500 เกม ระหว่างปี 2002-2013
และเรื่องที่จะต้องเข้ามาแก้ปัญหาให้กับ เดอะ ทอฟฟี่ส์ แบบปัจจุบันทันด่วน นั่นคือเรื่องการทำประตู ที่ในพรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน เพิ่งยิงได้เพียง 15 ประตูจาก 19 เกม น้อยที่สุดรองจาก เซาธ์แฮมป์ตัน (12 ประตู) ทีมเดียว
ความหวังสูงสุดในการทำประตูอย่าง โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน มีผลงานน่าผิดหวัง ยิงไปเพียง 2 ประตู ไม่สมกับโอกาสลงสนามที่ ไดช์ มอบให้ จากการลงตัวจริง 16 เกม และลงสำรอง 3 เกม
คนที่ยิงได้มากที่สุดจนถึงเวลานี้คือ อิลิมาน เอ็นดิอาย 5 ประตู ตามด้วย ดไวท์ แม็คนีล 4 ประตู ทั้งคู่ยิงในพรีเมียร์ลีกไปคนละ 3 ประตูเท่ากัน เป็นตัวเลขที่ต่ำมากๆ
นั่นคือเรื่องที่ มอยส์ จะต้องเข้ามาแก้ปัญหาเป็นลำดับต้นๆ งัดอาวุธเด็ดในการทำประตูจากลูกตั้งเตะทุกชนิดออกมาให้หมด
เชื่อว่านั่นคือเรื่องที่แฟนๆ เดอะ ทอฟฟี่ส์ อยากเห็นอีกครั้ง