เปิดฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี อย่างหล่อ แต่ไปๆ มาๆ ชื่อของ อัลบาโร่ โมราต้า ถูกกลืนหายเข้าไปในกลีบเมฆ ซึ่งศูนย์หน้าสเปนไม่เคยเอ่ยปากบอกใครว่าเขาต้องเจอเรื่องอะไรมาบ้าง
หลังจากออกสตาร์ตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วย 6 ประตูจาก 6 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ทำให้แฟนๆ สิงโตน้ำเงิน คาดหวังในตัวเจ้าของสถิติค่าตัวแพงสุดคนใหม่ 58 ล้านปอนด์ (ที่อาจเพิ่มเป็น 70 ล้านปอนด์) เอาไว้สูงมาก
แต่หลังจากนั้น โมราต้า ต้องเผชิญปัญหาบาดเจ็บจนหายหน้าหายตาไปแบบไม่มีใครรู้สาเหตุ และพอกลับมาฟอร์มการเล่นก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว นับตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา แทบไม่มีประตูเกิดขึ้นจากอดีตศูนย์หน้า เรอัล มาดริด ให้เห็นเลย
ฤดูกาลเกือบจะจบลงแล้ว แต่คุณยังมีเป้าหมายอะไรอยู่หรือเปล่า?
"เชลซี ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ และนั่นเป็นเรื่องสำคัญเสมอ มีหลายทีมที่มีฤดูกาลที่ดี แต่ไม่คว้าแชมป์อะไรเลย ในอังกฤษ เอฟเอคัพ มีความสำคัญอย่างมาก ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับเรา แต่เราก็ยังคงสามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้"
ทีมเริ่มต้นได้ดี แต่แล้วก็มาสะดุดและหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ ขณะเดียวกันก็ยังแพ้ บาร์เซโลน่า ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
"เรามีโอกาสเยอะมากในนัดแรก ถ้าหนึ่งในลูกยิงของ วิลเลียน เข้าไป อาจเป็นเราก็ได้ที่เข้ารอบ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และกลับสู่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมน่าจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยในเรื่องนั้น"
ดูอะไรๆ ในทีมไม่ค่อยราบรื่นเช่นกันเหรอ?
"มันเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผม และผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นปีที่ดีสำหรับทีมเช่นกัน ผมเริ่มต้นได้ดี ทุกคนรักผม และผมก็ยิงประตูได้ต่อเนื่อง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ผู้คนต่างพูดหลายสิ่งหลายอย่างถึงตัวผม แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าผมต้องผ่านอะไรมาบ้าง คนที่รู้ดีที่สุดคือภรรยาผม ผมน่าจะเจ็บกล้ามเนื้อฉีกพัก 3 เดือน ดีกว่าที่ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมต้องการลงเล่น ต้องการยิงประตูต่อ แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าผมเจอปัญหาอะไร แพทย์ เชลซี พยายามแล้ว แพทย์ในอังกฤษก็ตรวจไม่พบ สุดท้ายเราต้องบินไปเยอรมนี และสิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างยากลำบากจริงๆ"
ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?
"นี่คือทีมใหม่ และมันดูสมบูรณ์แบบไปเสียหมด เราเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด และเราก็ทำผลงานได้ดีในพรีเมียร์ลีก แล้วจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด ผมต้องบินไปเยอรมนีหลายครั้งเพื่อรักษาอาการ แพทย์ต้องฉีดยาบริเวณหลัง มันเจ็บปวดมาก แล้วผมก็เดินทางกลับลอนดอนเพื่อลงซ้อมในวันต่อมา ผมคิดว่าผมทำพลาดแล้ว ผมน่าจะหยุดก่อนเมื่อบาดเจ็บ คุณอาจจะลงเล่นเกมหนึ่งได้ แต่อาจเล่นต่อไม่ได้อีกเป็นเดือน ผมไม่มีโชคมากนักในช่วงเวลานั้น ก่อนเกมกับ เวสต์แฮม ผมต้องการลงเล่น แต่ผมขยับเขยื้อนร่างกายแทบไม่ไหว ผมบอกแพทย์ให้ช่วยฉีดยาเพราะผมต้องลงเล่น เพราะผมต้องการพิสูจน์ตัวเอง แต่มันดูแย่ไปหมด"
หมายความว่า ความมุ่งมั่นตั้งใจกลายเป็นการทำลายตัวคุณเองเหรอ?
"ใช่ มันชัดเจน ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนั้น และผมจะไม่ทำอีกแน่นอน ผมกลับมาถึงบ้าน จากเกมและจากการซ้อม ผมต้องฉีดยาให้ตัวเองหลายครั้ง เพราะผมไม่อาจทนต่ออาการเจ็บปวดได้ ไม่มีใครบอกผมว่าคุณมีปัญหากล้ามเนื้อฉีกตรงนี้ตรงนั้น ผมเจ็บปวดทั้งตอนกินข้าว ตอนขับรถ จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย จากนั้นผมก็กลับมาลงเล่นในบอลถ้วย มันดูเหมือนว่าทุกอย่างจะปกติดีแล้ว ผมไม่ได้พูดอะไรให้ใครรู้ มีแค่แพทย์, โค้ช และครอบครัวของผมเท่านั้นที่รู้ ว่าผมต้องเผชิญเรื่องยุ่งยากมามากแค่ไหน"
คุณยังมีความท้าทายตำแหน่งครั้งสำคัญก่อนจบฤดูกาลนี้ใช่มั้ย?
"แน่นอน ผมเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ที่ ยูเวนตุส ผมไม่ได้ลงเล่นมากนักเพราะการตัดสินใจของโค้ช แต่แล้วผมก็มายิงประตูในรอบชิงชนะเลิศบอลถ้วย และเราคว้าแชมป์ เรายังมีเกมสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าเราได้ลงสนาม ยิงประตูได้ และทีมเป็นแชมป์ ผู้คนก็จะจดจำเรื่องนั้น นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด"
คุณคิดอย่างไรกับอนาคตของตัวเองที่ เชลซี?
"ตอนนี้ผมรู้จักพรีเมียร์ลีกมากขึ้น รู้จักผู้ตัดสินที่นี่มากขึ้นแล้ว ผมเริ่มผูกมิตรกับพวกเขาในช่วงท้ายๆ ของฤดูกาล เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะเรียกฟาวล์ให้ตัวเองได้มากขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลมันบ้ามาก ผมประท้วงแหลก และมีผู้ตัดสินคนหนึ่งบอกผมว่า เขารู้ว่ามันเป็นการฟาวล์ แต่เขาไม่ให้ฟาวล์ผม นี่คือสไตล์ของพรีเมียร์ลีก"
คุณคิดถึงฟุตบอลโลกบ้างแล้วหรือยัง?
"ผมอยากไปที่นั่น มันยากที่จะติดทีมชาติชุดนี้ เพราะผมไม่มีชื่ออยู่ในทีมครั้งล่าสุด ผมรู้ว่าตัวเองยังมีโอกาสเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องยิงประตูได้หรือไม่ แต่เพราะโค้ชรู้จักผม และรู้ว่าผมสามารถนำอะไรสู่เกมในสนามได้บ้าง เขารู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็น ผมต้องอัดอั้นตันใจเพราะปัญหาที่หลัง"