1 ฤดูกาลครึ่งของ ซูอาเร่ กับ คริสตัล พาเลซ สอบผ่าน และกลายเป็นแบ็กซ้ายตัวหลักสำหรับฤดูกาล 2016-17 อย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่า โชคชะตากลับเล่นตลก
11 กันยายน 2016 เป็นวันที่จะอยู่ในความทรงจำของแบ็กซ้ายเซเนกัลไปตลอดชีวิต หลังควบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี 63 เอสยูวี ประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับรั้วกั้นเกาะกลางถนน เอ็ม 4 มอเตอร์เวย์ ในกรุงลอนดอน ใกล้กับแครนฟอร์ด ขณะขับออกมาจากสนามบินฮีทโธรว์ไม่ไกล
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง ก็มาถึงที่เกิดเหตุ และพยายามนำร่างผู้บาดเจ็บออกจากซากรถ แต่ดูจะเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะขาขวาติดอยู่กับประตูรถ จึงตัดสินใจตัดหลังคา ก่อนนำตัวขึ้นเฮลิค็อปเปอร์ส่งโรงพยาบาลรอยัล ลอนดอน
หลังจากนั้นไม่นาน คริสตัล พาเลซ ก็ออกแถลงการณ์ว่า ซูอาเร่ ต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณต้นขาขวาที่กระดูกแตก และกระดูกขากรรไกรที่หักเช่นกัน
จากอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า ซูอาเร่ จะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะต้องพักฟื้นราวๆ 6 เดือน
"เพื่อนร่วมทีมมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล ทุกคนถึงกับช็อก ใบหน้าของผมบวมเป่งมาก พวกเขาจำไม่ได้เลยว่านักเตะคนที่ฟิตๆ ที่เพิ่งเล่นร่วมกันในเกมล่าสุดกับ บอร์นมัธ แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจผม"
ซูอาเร่ ไม่ต้องการบอกข่าวร้ายนี้ให้ทางบ้านทราบ เพราะพ่อที่่ป่วย กำลังรักษาโรคมะเร็งอยู่ในปารีส ส่วนแม่ก็หกล้มจนขาหัก
โชคร้ายซ้ำสองคือการที่ อลาสซาเน่ ผู้เป็นพ่อต้องสิ้นลมในเดือนธันวาคม
แต่นั่นกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้ ซูอาเร่ ลุกขึ้นสู้ แม้ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าเขาจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง
"ผมไม่เคยได้ยินนักฟุตบอลคนไหนบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน มันทำให้คุณเริ่มคิดแล้ว"
"เพราะบริเวณที่ผมบาดเจ็บมันละเอียดอ่อนมาก มันเป็นกล้ามเนื้อทั้งหมด ผมต้องทำงานหนักอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าขาของตัวเองอ่อนแรงจริงๆ"
"แต่ตอนที่ผมไปเยี่ยมพ่อ แล้วเห็นว่าพ่อเป็นอย่างไร ผมคิดว่าผมก็แค่ขาหัก คุณต้องไม่ยอมแพ้ คุณต้องแสดงให้ครอบครัวเห็นว่าคุณจะกลับมาได้ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวผม"
"ครอบครัวไม่ได้กดดันอะไรผมเลย เป็นผมที่กดดันตัวเอง เมื่อคุณมาจากแอฟริกา และต้องการเป็นนักฟุตบอล สิ่งเดียวที่คิดคือการทำให้ครอบครัวภูมิใจ และทำให้ฐานะดีขึ้น"
2 เดือนผ่านไป ซูอาเร่ ย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ และยอมรับว่าตนเองโชคดีมาก
"ผมขาหัก และขากรรไกรหัก ผมกินอะไรไม่ได้เลยเป็นเดือน แต่ตอนนี้ผมกินได้แล้ว ผมค่อยๆ ทานได้ทีละนิด"
"ผมจำได้ตอนที่เฮลิค็อปเปอร์มาถึง ผมจำได้ว่าถูกประตูรถทับขา ผมจำได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม ผมบอกเขาว่าอย่าไปไหนนะ เขาช่วยผมจนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามา และผมก็จำได้ว่าพวกเขาตัดหลังคารถออก"
"ผมโชคดีมาก เพราะนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ช็อกจริงๆ"
11 เดือนผ่านไป ซูอาเร่ กลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมชุดใหญ่ได้อีกครั้ง หลังใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายในห้องยิมอยู่หลายเดือน ต่อด้วยการซ้อมกับทีมชุดยู-23
"ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก"
ครบ 1 ปีเต็ม ซูอาเร่ กลับคืนสนาม ลงเรียกความฟิตกับทีมชุดยู-23 เต็มเกม 90 นาที เป็นสัญญาณว่าแบ็กซ้ายเซเนกัลพร้อมแล้วสำหรับทีมชุดใหญ่
และคงไม่มีเกมไหนที่จะเหมาะสมไปกว่า บอลถ้วย คาราบาวคัพ ที่ คริสตัล พาเลซ เปิดบ้านรับมือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในรอบ 3
ซูอาเร่ มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรอง และ รอย ฮ็อดจ์สัน ก็ตัดสินใจส่งลงสนามช่วงพักครึ่ง
"มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก ผมมีความสุขที่ได้ลงไปวิ่งในสนาม แต่สิ่งที่ผมยินดียิ่งกว่าคือชัยชนะ และมอบความสุขให้แฟนๆ"
"พวกเขาสนับสนุนทีม และช่วยผมอย่างมาก ผมอยากขอบคุณสำหรับแรงใจที่มีให้"
"ผมยังต้องฟื้นฟูร่างกายทีละขั้นตอน ตอนนี้ผมกลับสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากการเล่น 90 นาทีกับชุดยู-23"
"มันยังดูแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมแค่ต้องเรียกความฟิตให้มากขึ้นอีก นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด"
"ผมได้รับการดูแลอย่างดีจากสโมสร ทั้งทีมกายภาพบำบัด และทุกๆ คน ผมไม่ได้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปแบบไร้ค่าเลย เพราะพวกเขาดูแลผมดีมาก"
373 วัน (นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ) ถือเป็นช่วงเวลาล้ำค่าสำหรับ ซูอาเร่ ที่ได้เรียนรู้ชีวิตยามยาก โดยเฉพาะการอาจไม่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าอนาคตต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร การโกงความตายมาได้ ก็ถือเป็นกำไรชีวิตแล้ว