เวลานี้หลายชาติทะยอยเดินทางถึงรัสเซียกันแล้ว แต่สำหรับ อังกฤษ มีคิวบินถึง เรปิโน่ วันอังคารนี้ ทั้งที่ลงอุ่นเครื่องเกมสุดท้ายกับ คอสตาริกา ไปแล้วตั้งแต่วันพฤหัสบดี
จากเกมอุ่นเครื่องสองนัดสุดท้ายในเดือนนี้ที่ชนะ ไนจีเรีย 2-1 และชนะ คอสตาริกา 2-0 เป็นการยืนยันและตอกย้ำชัดเจนแล้วว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเลือกระบบการเล่นกองหลัง 3 คนลุย เวิลด์คัพ โดยจะเรียกระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-2-1 ก็ตามแต่
สองนัดดังกล่าว เซาธ์เกต ทดลองนักเตะลงตัวจริงมากถึง 21 คน มีเพียง แดนนี่ เวลเบ๊ค กับ นิค โพ๊พ สองรายเท่านั้นที่ไม่ได้ลงตัวจริง แม้บางรายมีโอกาสมากกว่า แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังถือว่าเปิดกว้าง
ในเกมกับ ไนจีเรีย จอร์แดน พิคฟอร์ด ถูกส่งลงเฝ้าเสา แผงหลังสามคน ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แกรี่ เคฮิลล์ และวิงแบ็กสองฝั่ง คีแรน ทริปเปียร์ กับ แอชลี่ย์ ยัง
แดนกลาง เอริค ดายเออร์ ปักหลักคุมเกมรับ โดยมี เจสซี่ ลินการ์ด กับ เดเล่ อัลลี สนับสนันเกมรุกให้คู่กองหน้า แฮร์รี่ เคน กับ ราฮีม สเตอร์ลิง
ขณะที่เกมกับ คอสตาริกา แจ๊ค บัตแลนด์ ได้ลงตัวจริง แผงหลังสามคน ฟิล โจนส์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และวิงแบ็กสองฝั่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แดนนี่ โรส
แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวคุมเกมขนาบข้างด้วย รูเบน ลอฟตัส-ชีค กับ ฟาเบียน เดลฟ์ โดยสองกองหน้าเลือก มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เจมี่ วาร์ดี้
หลายคนคงพอมองเห็นรำไรแล้วว่า เซาธ์เกต จะเลือกใครเป็นสิบเอ็ดตัวจริงใน เวิลด์คัพ แต่ด้วยระบบการเล่นที่ยืดหยุ่นได้ในแดนกลางและแดนหน้า ทำให้โอกาสปรับเปลี่ยนในแต่ละเกมยังมีอยู่ โดยเฉพาะแนวรุกที่อาจเป็น แฮร์รี่ เคน กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ตามกระแสเรียกร้องก็ได้ ใครจะรู้
7 คะแนนจากรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี คือเป้าหมายขั้นต่ำที่ ทรี ไลออนส์ วางเอาไว้ และต้องจบอันดับ 1 ของกลุ่มด้วย ดังนั้นประตูได้เสียจากชัยชนะเหนือ ตูนิเซีย และ ปานามา จึงมีความหมายอย่างมาก
ตอนคาดเดาผลการแข่งขัน อะไรๆ ก็ดูสวยหรู แต่พอทำผลงานจริงๆ อาจเป็นคนละเรื่อง เหมือนอย่างฟุตบอลโลก 2014 ยุค รอย ฮ็อดจ์สัน ที่ อังกฤษ เปิด 2 นัดแรก แพ้ อิตาลี 1-2 แพ้ อุรุกวัย 1-2 ก่อนเก็บกระเป๋ากลับบ้านหลังจากนัดสุดท้ายเสมอ คอสตาริกา ทีมที่จบอันดับ 1 ของกลุ่ม 0-0
ย้อนกลับไปอีก 4 ปี สิงโตคำราม ของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผ่านเข้ารอบแบบทุลักทุเล หลังจากเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 เสมอ แอลจีเรีย 0-0 ต้องลุ้นอย่างหนักกว่าจะเชือด สโลวีเนีย 1-0 เข้ารอบหวุดหวิด แต่ก็ไปจอดป้ายรอบ 16 ทีมสุดท้ายสบายๆ เพราะการจบอันดับ 2 กลุ่มซี ต้องโคจรมาชน เยอรมนี
บางที การเลือก เซาธ์เกต เป็นผู้จัดการทีม อาจเป็นการลดความกดดันของสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้านี้ บรรดากุนซือคนดัง ไม่อาจแบก ทรี ไลออนส์ ได้เลยในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
หากตกรอบเร็ว หรือผลงานห่วยแตก ก็ถือว่าเสมอตัวกันไป แต่หากไปได้ไกลถึงรอบลึกๆ หรือผลงานแจ่มแจ๋ว เซาธ์เกต ก็คงได้รับเครดิตไปเต็มๆ ละงานนี้
